November 24, 2024

สถานการณ์มัลแวร์ฟิลิปปินส์น่าห่วง

บริษัทด้านซีเคียวริตี้ชื่อดัง “Kaspersky Lab” เผยตัวเลขมัลแวร์ที่สามารถตรวจจับได้ในฟิลิปปินส์ว่ามีมากถึง 3.17 ล้านตัว เฉพาะแค่ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2017

โดยตัวเลขดังกล่าวมาจากคอมพิวเตอร์ภายในประเทศที่อยู่ใน Kaspersky Security Network หรือ KSN ซึ่งพบว่า มีการบุกรุกโดยใช้วิธีต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น บุกรุกผ่านเบราเซอร์ ซึ่งในภาพรวมพบว่าใน KSN มีเบราเซอร์มากถึง  19.2 เปอร์เซ็นต์ที่ตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์เหล่านี้ ในระยะเวลา 3 เดือน

kaspersky_lab_spam_report_q2_2017

ขณะที่อีกเกินครึ่ง (56.6 เปอร์เซ็นต์) ตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์ผ่านทางไดรว์ USB แผ่นซีดี และแผ่นดีวีดี รวมถึงมัลแวร์อื่น ๆ ที่แพร่กระจายผ่านช่องทาง “ออฟไลน์” ซึ่งในภาพรวมแล้ว ทาง Kaspersky Lab พบว่ามีภัยคุกคามทั้งหมดที่แพร่กระจายในประเทศมากถึง 12.1 ล้านตัวในช่วงไตรมาสที่ 2

ส่วนสถานการณ์ของสแปม และฟิชชิ่งในฟิลิปปินส์นั้นพบว่ามีการหาช่องทางทำเงินจากความหวาดกลัวของคนในระยะเดียวกับ WannyCry มัลแวร์เรียกค่าไถ่ชื่อดังแพร่ระบาดด้วย โดยบรรดาสแปมเมอร์จะใช้กลโกงง่าย ๆ นั่นคือ หลอกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกโจมตีและส่งลิงค์ให้ดาวน์โหลด หรืออัปเดตซอฟต์แวร์ ซึ่งหากใครหลงเชื่อคลิกตามลิงค์นั้นไปก็จะตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์ได้ในที่สุด

Darya Gudkova ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ด้านสแปมจาก Kaspersky Lab เผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนั้น การโจมตีด้วยสแปมและฟิชชิ่งกลายเป็นเทรนด์หลักที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการอ้างชื่อ WannaCry ยังทำให้มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตกเป็นเหยื่อของฟิชชิ่งสูงมากขึ้นด้วย ซึ่งทำให้เห็นว่า อาชญากรไซเบอร์นั้น แม้จะเป็นระดับท้องถิ่น แต่ก็มีการดึงความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้น Kaspersky Lab ยังพบว่า อาชญากรไซเบอร์มีการโฟกัสไปที่ภาคธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากสามารถทำเงินได้มากกว่าด้วย โดยจำนวนเมลที่มีมัลแวร์แฝงไปด้วยนั้น เติบโตขึ้นถึง 17 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 2 เลยทีเดียว