Jaguar Land Rover เผยเสียหายกว่า 8,300 ล้านบาท จากเหตุโจมตีทางไซเบอร์
ผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียมชาวอังกฤษอย่าง Jaguar Land Rover (JLR) เผยผลประกอบการไตรมาสที่สอง (1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2025) ว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนได้สร้างความเสียหายทางการเงินถึง 196 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 8,330 ล้านบาท ในไตรมาสดังกล่าว
เหตุการณ์สะเทือนวงการ
การโจมตีครั้งนี้เริ่มเปิดเผยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2025 ส่งผลให้ JLR ต้องหยุดการผลิตในโรงงานหลักและให้พนักงานกลับบ้าน ต่อมาบริษัทยืนยันว่ามีการขโมยข้อมูลด้วย โดยกลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Lapsus$ Hunters ออกมาอ้างความรับผิดชอบผ่านแอป Telegram
สถานการณ์วิกฤตยืดเยื้อเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ส่งผลกระทบหนักต่อฐานะทางการเงินและส่วนแบ่งตลาดของบริษัท รวมถึงซัพพลายเออร์หลายรายที่เผชิญปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง จนกระทั่งรัฐบาลอังกฤษต้องเข้ามาช่วยเหลือเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2025 ด้วยการอนุมัติสินเชื่อค้ำประกัน 1.5 พันล้านปอนด์ เพื่อฟื้นฟูห่วงโซ่อุปทานและรีสตาร์ตการผลิต
กระทบรุนแรงถึงงบการเงิน
ผลประกอบการของ JLR ในไตรมาสที่สอง แสดงให้เห็นความเสียหายที่ชัดเจน บริษัทขาดทุนก่อนหักภาษีและรายการพิเศษ 485 ล้านปอนด์ เทียบกับกำไร 398 ล้านปอนด์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับครึ่งปีแรก ขาดทุน 134 ล้านปอนด์ ลดลงจากกำไร 1.1 พันล้านปอนด์เมื่อปีที่แล้ว
อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) ในไตรมาสที่สอง ติดลบ 8.6% ตกจาก 5.1% ในปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรกติดลบ 1.4% ลดลงจาก 7.1% ในช่วงเดียวกันปีก่อน บริษัทระบุว่าการลดลงของผลกำไรส่วนใหญ่เกิดจากเหตุการณ์ไซเบอร์โจมตี รวมถึงผลกระทบต่อเนื่องจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และปริมาณยอดขายที่ลดลง
สะเทือนถึงเศรษฐกิจประเทศ
ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ออกรายงานนโยบายการเงินเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ระบุว่า GDP ของประเทศในไตรมาสที่สามปี 2025 อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเอ่ยถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่ JLR เป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก
อย่างไรก็ตาม การผลิตกลับมาดำเนินการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2025 ด้วยแผนการแบบเป็นขั้นตอน ปัจจุบัน JLR ระบุว่าการดำเนินงานกลับสู่สภาวะปกติแล้ว ทั้งด้านการส่งมอบสินค้า โลจิสติกส์ชิ้นส่วน และการให้เงินทุนแก่ซัพพลายเออร์กลับมาดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ บริษัทย้ำว่าจะไม่ลดงบประมาณการลงทุนแม้จะเผชิญวิกฤต โดยยังคงเป้าหมายลงทุน 18 พันล้านปอนด์ตลอดห้าปีนับจากปีงบประมาณ 2024

