Meta เขย่าวงการ AI! ทุ่มงบพันล้านเหรียญสอย Manus
ถือเป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายปี 2025 เมื่อ Meta ประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการ “Manus” สตาร์ทอัพดาวรุ่งด้าน AI สัญชาติจีน ซึ่งดำเนินธุรกิจในสิงคโปร์ภายใต้บริษัท Butterfly Effect อย่างเป็นทางการด้วยมูลค่ามหาศาลหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐ การขยับหมากครั้งสำคัญนี้ถูกบันทึกว่าเป็นดีลการควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของ Meta โดยเป็นรองเพียงแค่การเข้าซื้อ WhatsApp และ Scale AI เท่านั้น
แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Mark Zuckerberg ที่ต้องการจะเปลี่ยนผ่านจากยุคของปัญญาประดิษฐ์ที่เน้นการสนทนาโต้ตอบ ไปสู่ยุคของ “Agentic AI” หรือเอเจนต์อัจฉริยะที่สามารถคิด ตัดสินใจ และลงมือทำงานที่ซับซ้อนแทนมนุษย์ได้จริงในโลกดิจิทัล
เบื้องหลังดีลประวัติศาสตร์: เมื่อ Meta สถาปนาฐานทัพ AI ระดับโลกในสิงคโปร์
หัวใจสำคัญของการควบรวมกิจการในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การซื้อเทคโนโลยี แต่เป็นการดึงตัวทีมวิศวกรและนักวิจัยระดับหัวกะทิมากกว่า 100 ชีวิต รวมถึง Xiao Hong ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Manus ให้เข้ามารับตำแหน่งรองประธานที่ Meta โดยตรง
โดยทีมงานทั้งหมดจะเข้าประจำการที่ Meta Super Intelligence Laboratory (MSL) ในสิงคโปร์ เพื่อทำหน้าที่เป็นมันสมองหลักในการวิจัยและพัฒนาระบบตัวแทนอัจฉริยะรุ่นถัดไป ความสำเร็จของ Manus ก่อนจะถูกควบรวมนั้นถือว่าไม่ธรรมดา เพราะพวกเขามีฐานผู้ใช้งานที่ยอมจ่ายเงินใช้บริการอยู่แล้วหลายล้านคน พร้อมสถิติการประมวลผลโทเค็นที่สูงถึง 147 ล้านล้านโทเค็น และการสร้างคอมพิวเตอร์เสมือนเพื่อทำงานมากกว่า 80 ล้านเครื่องทั่วโลก ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้จะกลายเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่ช่วยให้ Meta สามารถพัฒนาระบบ AI ที่มีความเสถียรและแม่นยำในระดับที่คู่แข่งยากจะตามทัน
จาก ‘แชทบอท’ สู่ ‘เพื่อนร่วมงานอิสระ’: การหลอมรวม Manus เข้ากับ Llama เพื่อปฏิวัติโลกดิจิทัล
เป้าหมายระยะยาวของ Meta คือการนำเอาเทคโนโลยี “Mind-to-Action” ของ Manus มาหลอมรวมเข้ากับพลังของโมเดล Llama รุ่นล่าสุด เพื่อสร้างเอเจนต์ที่มีความสามารถแบบ Multi-agent ที่สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันเองได้เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ซับซ้อน ความสามารถนี้จะช่วยให้ AI ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเขียนบทความหรือสรุปข้อมูล แต่จะสามารถเข้าไปดำเนินการในแอปพลิเคชันต่างๆ ได้เอง เช่น การจองตั๋วเครื่องบินพร้อมจัดทริปการเดินทาง เขียนโค้ดและทดสอบโปรแกรมแบบครบวงจร หรือแม้กระทั่งการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่จัดการงานบริหารในองค์กรได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องรอการสั่งการในทุกขั้นตอน การเข้าซื้อ Manus จึงเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ Meta พร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่ไม่ได้เน้นแค่การสื่อสาร แต่เน้นการสร้างผลลัพธ์ในการทำงานจริง ซึ่งจะเข้ามาปฏิวัติรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของผู้คนทั่วโลกในอนาคตอันใกล้

