Wi-Fi 8 กำลังจะมา แต่ลืมเรื่อง “ความเร็ว” ไปก่อน! เพราะเน้น “เสถียร” ใช้งานจริงลื่นกว่าเดิม
ในโลกของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย เรามักถูกป้อนข้อมูลด้วยตัวเลขความเร็วระดับกิกะบิตที่ดูสวยหรู แต่ในความเป็นจริง เมื่อเราใช้งาน Wi-Fi ในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นหรือมีสิ่งกีดขวาง ความเร็วเหล่านั้นมักจะร่วงกราวรูดจนน่าหงุดหงิด ปัญหานี้กำลังจะถูกแก้ไขในมาตรฐานใหม่ที่ชื่อว่า Wi-Fi 8 (หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ IEEE 802.11bn)
ไม่เน้นทุบสถิติความเร็ว แต่เน้น “ใช้งานได้จริง”
หากใครกำลังรอคอยว่า Wi-Fi 8 จะต้องแรงกว่า Wi-Fi 7 แบบก้าวกระโดด อาจจะต้องประหลาดใจ เพราะมาตรฐานใหม่นี้จะยังคงใช้ความเร็วสูงสุดทางทฤษฎีเท่าเดิมที่ประมาณ 23 Gbps เป้าหมายหลักของ Wi-Fi 8 ไม่ใช่การเพิ่มเพดานความเร็ว แต่เป็นการทำให้ผู้ใช้งานทุกคนในระบบได้รับความเร็วที่ “สม่ำเสมอ” และ “เสถียร” มากขึ้นในทุกสภาวะ

3 หมัดเด็ดที่ทำให้ Wi-Fi 8 แข็งแกร่งกว่าเดิม
มาตรฐาน Wi-Fi 8 ได้นำฟีเจอร์ใหม่ๆ มาช่วยจัดการการเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนี้:
- Coordinated Spatial Reuse (Co-SR): ระบบนี้จะช่วยลดปัญหาการกวนกันของสัญญาณจาก Router เครื่องข้างๆ โดยเฉพาะในคอนโดหรือออฟฟิศที่สัญญาณตีกันนัวเนีย ระบบจะสั่งให้ Access Point ปรับกำลังส่งโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เครื่องลูกข่ายเชื่อมต่อได้ลื่นไหลที่สุดโดยไม่รบกวนกัน
- Coordinated Beamforming (Co-BF): ปกติ Beamforming จะยิงสัญญาณไปที่ตัวเครื่องเราโดยเฉพาะ แต่เวอร์ชันใหม่นี้จะทำงานร่วมกันระหว่าง Access Point หลายๆ จุด เพื่อ “หลบ” สัญญาณที่อาจจะไปรบกวนเครื่องอื่น ทำให้ภาพรวมของเครือข่ายมีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- Dynamic Sub-channel Allocation: การจัดสรรช่องสัญญาณแบบยืดหยุ่น โดยเครื่องที่มีสเปกสูงจะได้รับสิทธิ์ในการใช้ช่องสัญญาณที่กว้างและว่างที่สุดก่อน ช่วยลดปัญหาคอขวดเวลาใช้งานพร้อมกันหลายเครื่อง
ทำไมเราถึงต้องสนใจ?
คำถามที่ตามมาคือ “เราจำเป็นต้องอัปเกรดไหม?” ในเมื่อ Wi-Fi 7 เพิ่งจะเริ่มแพร่หลาย คำตอบคือ Wi-Fi 8 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์อนาคตที่อุปกรณ์ IoT และการใช้งาน Edge Computing จะหนาแน่นขึ้นมาก มันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้คุณโหลดไฟล์เร็วขึ้น 5 วินาที แต่ถูกสร้างมาเพื่อให้คุณวิดีโอคอลได้ไม่สะดุด แม้ผู้ใช้คนอื่นกำลังกำลังสตรีมหนัง 4K พร้อมกันก็ตาม
คาดการณ์การมาถึง
ขณะนี้ Wi-Fi 8 ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนามาตรฐาน คาดว่าเราจะได้เห็นอุปกรณ์รุ่นแรกๆ เริ่มวางจำหน่ายในช่วงปี 2028 เป็นต้นไป

