เมื่อกล้องหน้ารถเป็น “เครื่องมือสายลับ” แฮกเกอร์เจาะช่องโหว่ในกล้องหน้ารถใช้สอดแนมแบบไม่รู้ตัว!
ในยุคที่ “กล้องติดรถยนต์” กลายเป็นอุปกรณ์สามัญประจำรถที่ขาดไม่ได้ แต่รายงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ล่าสุดเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจว่า อุปกรณ์ที่ช่วยปกป้องเรา อาจกำลังกลายเป็น “ช่องโหว่” ให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาล้วงความลับส่วนตัวไปจนหมดเปลือก
ภัยร้ายผ่าน Wi-Fi
จากการเปิดเผยในงานประชุมด้านความปลอดภัยระดับโลก (Black Hat Asia 2025) ระบุว่า นักวิจัยความปลอดภัยจาก Kaspersky ได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในกล้องติดรถยนต์สมัยใหม่หลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่มีฟีเจอร์การเชื่อมต่อไร้สายหรือ Wi-Fi
โดยปกติ Wi-Fi ในกล้องมีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถดึงไฟล์วิดีโอเข้ามือถือ แต่ปัญหามักอยู่ที่ “ระบบรักษาความปลอดภัยที่หละหลวม” เช่น การใช้รหัสผ่านเริ่มต้น (Default Password) ที่คาดเดาง่าย หรือโปรโตคอลการเชื่อมต่อที่ไม่มีการเข้ารหัสที่ดีพอ ทำให้แฮกเกอร์สามารถสแกนเจอและเจาะระบบได้แทบจะทันทีที่รถขับผ่านหรือจอดอยู่ในระยะสัญญาณ
DriveThru Hacking: จารกรรมข้อมูลแบบ Drive-by
เทคนิคการโจมตีนี้ถูกเรียกว่า “DriveThru Hacking” ซึ่งเปรียบเสมือนการขับรถสั่งอาหาร แต่เปลี่ยนเป็น “ขับรถผ่านเพื่อดูดข้อมูล” แทน ความน่ากลัวของวิธีนี้คือ:
- ความรวดเร็ว: แฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมืออัตโนมัติเชื่อมต่อกับกล้องที่มีช่องโหว่ได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
- ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์พิเศษ : การโจมตีนี้ไม่ได้จำเพาะเจาะจงยี่ห้อใดมียี่ห้อหนึ่ง แต่สามารถกวาดสแกนหาเหยื่อได้ในวงกว้าง เนื่องจากกล้องหลายแบรนด์ใช้สถาปัตยกรรมพื้นฐาน (Firmware/Chipset) ที่คล้ายคลึงกัน
- การทำงานอัตโนมัติ: เครื่องมือของแฮกเกอร์สามารถตั้งค่าให้ค้นหา เจาะระบบ และดึงข้อมูลออกมาเองโดยที่เจ้าของรถไม่ทันรู้ตัว
มากกว่าแค่ภาพ: เมื่อ AI ช่วยวิเคราะห์ความลับ
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่แค่การถูกขโมยไฟล์วิดีโอการขับขี่ทั่วไป แต่คือ “ข้อมูลเชิงลึก” ที่แฝงอยู่ในนั้น นักวิจัยสาธิตให้เห็นว่าเมื่อแฮกเกอร์ได้ไฟล์ไป พวกเขาสามารถใช้ Large Language Models (LLMs) หรือ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว:
- ดักฟังบทสนทนา: กล้องส่วนใหญ่บันทึกเสียงภายในรถ ซึ่งอาจเป็นความลับทางธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว
- แกะรอยพฤติกรรม: ข้อมูล GPS ที่ฝังในไฟล์วิดีโอ บอกได้ชัดเจนว่าคุณไปไหนมาบ้าง บ้านอยู่ที่ไหน ทำงานที่ใด และแวะทำธุระที่ไหนเป็นประจำ
- ระบุตัวตน: เห็นหน้าคนขับและผู้โดยสารได้อย่างชัดเจน
เกราะป้องกัน: วิธีเอาตัวรอดในยุค Dash Cam ครองเมือง
แม้เทคโนโลยีจะมีช่องโหว่ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีปฏิบัติดังนี้:
- เปลี่ยนรหัสผ่านทันที: อย่าใช้รหัส Default ที่มาจากโรงงาน (เช่น 12345678) ให้ตั้งรหัส Wi-Fi ของกล้องให้ซับซ้อน
- ปิด Wi-Fi เมื่อไม่ใช้: หากกล้องมีปุ่มปิด Wi-Fi หรือสั่งงานผ่านแอปฯ ได้ ควรเปิดใช้เฉพาะตอนที่จะดึงข้อมูลเท่านั้น
- อัปเดต Firmware สม่ำเสมอ: หมั่นตรวจสอบเว็บไซต์ผู้ผลิตเพื่ออัปเดตแพตช์ความปลอดภัยล่าสุด
- ระวังการ์ด SD: ข้อมูลในการ์ดความจำไม่มีการเข้ารหัส หากถอดทิ้งไว้หรือทำหาย ข้อมูลทั้งหมดจะหลุดทันที

