ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกยุโรปเมินอัปเกรด SAP ECC เป็น S/4HANA หลังค่าไลเซนส์แพงขึ้น 20 เท่า
Kingfisher กลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของยุโรป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ดังอย่าง B&Q และ Screwfix ได้ตัดสินใจปฏิเสธแผนการอัปเกรดระบบ ERP ที่ใช้อยู่เดิมอย่าง SAP ECC ไปเป็น S/4HANA ตามแนวทางที่ SAP แนะนำ โดยให้เหตุผลว่า SAP ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนครั้งใหญ่นี้ได้ ในทางกลับกัน กลับยื่นเสนอโมเดลไลเซนส์ใหม่ที่อาจทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้นถึง 20 เท่า
เมินเส้นทาง RISE with SAP เลือกทางเดินของตัวเอง
Chris Blatchford ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Kingfisher กล่าวในงาน Gartner Symposium ที่บาร์เซโลนาว่า “เรายินดีพูดคุยเรื่องเส้นทางการอัปเกรด และสิ่งใหม่ๆ ที่คุณกำลังพัฒนา แต่ต้องแสดงมูลค่าที่ชัดเจน อย่าแค่ส่งใบเสนอราคามาให้ หรือโมดูลใบอนุญาตใหม่ที่ทำให้ต้นทุนพุ่งขึ้น 20 เท่า เราไม่ได้ต่อต้านผู้ให้บริการรายใหญ่ แต่ต้องเห็นคุณค่าที่แท้จริง”
ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะเดินตามแผนการผลักดันให้ลูกค้าเก่าอัปเกรดจาก ECC 6.0 ไปสู่ S/4HANA บนคลาวด์พร้อมเปลี่ยนเป็นโมเดลสมัครสมาชิก (Subscription) Kingfisher เลือกที่จะย้ายระบบ ECC เดิมของตนเองขึ้นไปทำงานบน Google Cloud Platform และหันไปใช้บริการซัปพอร์ตจาก Rimini Street ซึ่งเป็นผู้ให้บริการภายนอก
นวัตกรรมสร้างได้ ไม่ต้องพึ่ง S/4HANA
แม้ SAP จะยืนยันว่านวัตกรรมใหม่ๆ เช่น AI จะมีให้ใช้เฉพาะบนแพลตฟอร์มคลาวด์ล่าสุดของตนเท่านั้น แต่ Kingfisher ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถพัฒนานวัตกรรมได้โดยไม่ต้องอัปเกรด Blatchford เปิดเผยว่าบริษัทได้พัฒนาและใช้งาน Conversational Bots, ระบบ AI, Recommendation Engines และโมเดลราคาที่ยืดหยุ่นได้สำเร็จ โดยทั้งหมดเชื่อมต่อและดึงข้อมูลจากแกนหลักของระบบ ERP เดิม ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จากการใช้เครื่องมือด้านข้อมูลอย่าง Databricks และ Google ควบคู่ไปกับสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาให้เป็นแบบ API-first และ modular ซึ่งช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนและเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่นๆ ได้อย่างอิสระ

