จีนเดินเกมเข้ม ลดพึ่งพาตะวันตก สั่ง ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ ทั่วประเทศ ใช้ชิป AI ในประเทศอย่างน้อย 50%

จีนออกคำสั่งเด็ดขาด บังคับดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วประเทศต้องหันมาใช้ชิป AI ที่ผลิตภายในประเทศอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการจัดซื้อทั้งหมด หวังเร่งลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี
รัฐบาลจีนเดินหน้ามาตรการเชิงรุกในสงครามเทคโนโลยี ล่าสุดมีรายงานว่า ปักกิ่งได้ออกคำสั่งบังคับให้ศูนย์ข้อมูล หรือดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งภาครัฐและที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ ต้องจัดหาชิปประมวลผลด้าน AI ที่ผลิตโดยผู้ผลิตในประเทศจีนเอง ไม่ต่ำกว่า 50% ของปริมาณการจัดซื้อทั้งหมด ภายในช่วงปี 2025 เป็นต้นไป
มาตรการนี้ถือเป็นการขยายจากนโยบายระดับท้องถิ่นที่เคยเริ่มต้นในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2024 และสะท้อนให้เห็นความตั้งใจของรัฐบาลจีนในการสร้าง “ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี” (Tech Independence) ลดการพึ่งพาผู้ผลิตจากสหรัฐฯ และตะวันตก ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกภายใต้ข้อกำหนดด้านความมั่นคง
กดดันหยุดพึ่งพา Nvidia
หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) รวมถึงคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ได้กดดันบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน เช่น Alibaba, Tencent และ ByteDance ให้ชี้แจง หากยังคงพึ่งพาชิปต่างชาติอย่าง Nvidia โดยเฉพาะรุ่น H20 ที่แม้จะถูกออกแบบให้ “เป็นมิตร” ต่อข้อจำกัดด้านการส่งออก แต่กลับถูกปักกิ่งมองว่าเป็นความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์
รายงานยังเผยว่า Nvidia ได้ตัดสินใจ “หยุดการผลิตชิป H20 ชั่วคราว” หลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งมาตรการควบคุมของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากจีน นับเป็นสัญญาณสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในสมรภูมิสงครามชิปโลก
โอกาสของผู้ผลิตชิปจีน
ท่ามกลางแรงกดดันนี้ ผู้ผลิตชิปในประเทศจีน เช่น Huawei และ Cambricon กำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักที่ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่ โดย Cambricon เพิ่งประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก 2025 ว่ามีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนความต้องการที่พุ่งสูงจากทั้งตลาดภายในและแรงสนับสนุนของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ชิปจีนจะสามารถรองรับการประมวลผลด้าน AI Inference ได้ดี แต่ในด้าน AI Training หรือการฝึกสอนโมเดลขนาดใหญ่ ยังถูกมองว่ามีประสิทธิภาพด้อยกว่าคู่แข่งจากตะวันตก อีกทั้งยังขาดระบบนิเวศซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มเช่น CUDA ของ Nvidia ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม