จีนทำได้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ใต้น้ำ ลดการใช้พลังงานได้ 30%

จีนได้สร้างนวัตกรรมใหม่ด้วยการพัฒนาโครงการำร่อง ดาต้าเซ็นเตอร์ใต้น้ำ (Underwater Data Center) มูลค่ากว่า 223 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอาศัยความเย็นจากท้องทะเลในการช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นลงได้ถึง 30%
ดาต้าเซ็นเตอร์ใต้ทะเลแห่งใหม่ของจีน
โครงการนี้ตั้งอยู่ใต้ทะเลนอกชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ สร้างโดยบริษัท Hailanyun หรือ HiCloud ซึ่งนำแนวคิดมาจากการทดลอง Project Natick ของไมโครซอฟท์ที่เคยทดสอบดาต้าเซ็นเตอร์ในแคปซูลใต้น้ำ แต่หยุดโครงการไปก่อน จีนจึงก้าวขึ้นมาเป็นประเทศแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์
ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการได้มากกว่า 90% ของระบบทั้งหมด ร่วมกับการใช้ท่อแลกเปลี่ยนความร้อนที่ดึงน้ำทะเลมาไหลเวียนเพื่อลดอุณหภูมิของเซิร์ฟเวอร์ ส่งผลให้การใช้พลังงานโดยรวมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความจำเป็นในการใช้น้ำจืด ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่มักถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลบนบก

ความสามารถและศักยภาพ
ดาต้าเซ็นเตอร์นี้สร้างโดยใช้โมดูลทรงกระบอกคล้ายแคปซูลขนาดยักษ์ติดตั้งบนพื้นทะเลลึกประมาณ 35 เมตร แต่ละโมดูลมีน้ำหนักกว่า 1,300 ตัน และถูกออกแบบให้ใช้งานได้ยาวนานถึง 25 ปี
ในช่วงแรก (Phase 1) ได้ติดตั้ง 198 แร็คเซิร์ฟเวอร์ รองรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์หลายร้อยตัวที่สามารถประมวลผล AI ขนาดใหญ่ เช่น โมเดล GPT-3.5 ภายในเวลาเพียงวันเดียว ความสามารถของระบบเทียบได้กับ คอมพิวเตอร์ทั่วไปกว่า 60,000 เครื่อง และหากติดตั้งครบตามแผน จะมีศักยภาพเทียบเท่าการทำงานของ คอมพิวเตอร์ถึง 6 ล้านเครื่องพร้อมกัน
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย UC Davis ยังชี้ว่า จีนสามารถพัฒนาโครงการจากต้นแบบไปสู่การใช้งานจริงภายในเวลาไม่ถึง 30 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วกว่ามาตรฐานโครงการเทคโนโลยีลักษณะเดียวกันในประเทศตะวันตก
จีนมีแผนติดตั้งโมดูลใต้น้ำมากถึง 100 โมดูลภายในปี 2025 เพื่อรองรับลูกค้าหลากหลาย ตั้งแต่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอย่าง China Telecom บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Tencent ไปจนถึงหน่วยงานวิจัยขั้นสูง