August 14, 2025

OpenAI กลับลำ เตรียมนำ GPT-4o กลับมาให้เลือกใช้อีกครั้ง หลังผู้ใช้ ChatGPT บ่น GPT-5 มากขึ้น

กระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่ผู้ใช้ ChatGPT เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก OpenAI เปิดตัว GPT-5 โมเดล AI รุ่นใหม่ที่บริษัทโปรโมตว่าเป็นระบบ “unified” สามารถเลือกโมเดลที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนของการใช้งาน แต่แทนที่จะได้รับเสียงชื่นชม กลับกลายเป็นว่าโมเดลใหม่นี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า “ด้อยลง” ทั้งในแง่ความคิดสร้างสรรค์ ความแม่นยำ และน้ำเสียงที่อบอุ่นเมื่อเทียบกับ GPT-4o รุ่นก่อนหน้า

ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้ใช้ GPT-5 ผู้ใช้ Plus และสมาชิกในชุมชน Reddit หลายพันคนโพสต์แสดงความผิดหวัง โดยระบุว่าการโต้ตอบของโมเดลใหม่นั้นเย็นชา แข็งกระด้าง และไม่เป็นมิตรเหมือนเดิม บางรายถึงกับบอกว่ารู้สึกว่า GPT-5 “ฉลาดน้อยลง” หรือ “เหมือนถูกลดความสามารถ” ขณะที่อีกหลายคนตำหนิว่า OpenAI ตัดสินใจลบ GPT-4o ออกจากระบบอย่างกะทันหัน โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้งานรุ่นใด ซึ่งถูกมองว่าเป็นการ “ลบตัวเลือกที่ผู้ใช้รัก” มากกว่าจะเป็นการสร้างนวัตกรรมใหม่

เสียงวิจารณ์รุนแรงถึงขั้นเกิดแคมเปญบน Reddit ภายใต้สโลแกน “Kill 4o isn’t innovation, it’s erasure” พร้อมการยกเลิกการสมัคร ChatGPT Plus จำนวนหนึ่ง เพื่อกดดันให้บริษัทคืน GPT-4o กลับมา ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ต้องออกมาโพสต์บน X ยอมรับว่าบริษัท “ตัดสินใจผิดพลาด” และประกาศคืน GPT-4o ให้ผู้ใช้เลือกใช้อีกครั้ง โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ “Show legacy models” ในหน้า Settings เพื่อเข้าถึงรุ่นนี้ได้

นอกจากการคืน GPT-4o แล้ว OpenAI ยังได้เพิ่มขีดจำกัดการใช้งาน (rate limits) สำหรับผู้ใช้ Plus อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายงานว่าผู้ใช้บางรายสามารถส่งคำขอได้มากถึง 3,000 ครั้งต่อสัปดาห์ และยังมีการปรับปรุงอินเทอร์เฟซเพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่าขณะนั้นกำลังใช้งานโมเดลใดอยู่แบบชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้ใช้จะรู้ว่ากำลังโต้ตอบกับ GPT-4o หรือ GPT-5

การถอยทัพครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่หาได้ยากในวงการเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งบริษัทมักเดินหน้าตามแผนโดยไม่ย้อนกลับ แต่กรณีของ OpenAI แสดงให้เห็นว่าความผูกพันและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้มีพลังเพียงพอที่จะทำให้แม้แต่ผู้นำด้าน AI ต้องเปลี่ยนใจ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของประสิทธิภาพเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับเครื่องมือที่พวกเขาเชื่อมั่นและคุ้นเคย

ที่มา