Google เปิดตัว “Opal” เครื่องมือสร้างแอป AI ขนาดเล็กแบบ No-Code แค่พิมพ์ Prompt ก็สร้างได้

Google Labs เปิดตัวเครื่องมือทดลองใหม่ภายใต้ชื่อ “Opal” ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชันขนาดเล็กหรือ mini-apps ได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเลยแม้แต่บรรทัดเดียว เพียงแค่พิมพ์คำสั่งหรืออธิบายฟังก์ชันที่ต้องการเป็นข้อความธรรมดาภาษาอังกฤษ เครื่องมือนี้อยู่ในระยะ public beta และเปิดให้ทดลองใช้งานเฉพาะในสหรัฐอเมริกาผ่านแพลตฟอร์ม Google Labs
Opal ถือเป็นการต่อยอดแนวคิด “vibe-coding” ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของการพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาธรรมชาติ ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงพิมพ์คำอธิบาย เช่น “สร้างแอปช่วยสรุปข่าว” หรือ “สร้างแอปแนะนำโพสต์บนโซเชียลมีเดีย” จากนั้นระบบจะสร้าง flow การทำงานเป็นภาพแผนผังแบบ visual โดยแสดงเป็นกล่องคำสั่งต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน และสามารถแก้ไขต่อได้ผ่านทั้งการพิมพ์ข้อความเพิ่มเติมหรือการลากวางและปรับเปลี่ยนในหน้าจอได้โดยตรง
สิ่งที่โดดเด่นของ Opal คือผู้ใช้สามารถพัฒนาแอปได้จนเสร็จในเวลาไม่นาน และเมื่อพร้อมใช้งาน ก็สามารถแชร์ลิงก์ให้ผู้อื่นเข้าถึงแอปได้ทันทีผ่านบัญชี Gmail ของตนเอง ลักษณะการใช้งานคล้ายการแชร์ไฟล์ Google Docs หรือ Google Sheets โดยที่ไม่ต้องติดตั้งแอปเพิ่มหรือลงโค้ดใดๆ เพิ่มเติม

เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น Google ได้จัดเตรียม Opal Gallery ซึ่งเป็นคลังเทมเพลตตัวอย่างที่สร้างไว้ล่วงหน้า พร้อมให้ปรับแต่งหรือ remix ได้ตามต้องการ โดยตัวอย่างแอปที่อยู่ในแกลเลอรีนี้มีหลากหลาย เช่น:
- Blog Post Writer แอปช่วยเขียนบทความจากหัวข้อที่ระบุ
- Book Recs แอปแนะนำหนังสือที่น่าสนใจจากความสนใจของผู้ใช้
- Business Profiler สร้างภาพรวมธุรกิจจากข้อมูลออนไลน์
- City Games แอปเกมอินเทอร์แอคทีฟที่ใช้เนื้อหาสร้างด้วย AI
- Claymation สร้างแอนิเมชันตัวการ์ตูนจากภาพถ่าย
- Fashion Stylist ช่วยแนะนำชุดแต่งกายตามโอกาส
- Generated Playlist สร้างเพลย์ลิสต์จากลิงก์ YouTube
- Learning with YouTube สร้างควิซจากวิดีโอ YouTube เพื่อช่วยในการเรียนรู้
- Product Research สรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ต้องการค้นคว้า
- Social Media Post สร้างโพสต์โซเชียลสำหรับธุรกิจ
- Spelling Bee สร้างเกมฝึกสะกดคำจากประโยคตัวอย่าง
- Video Marketer แนะนำแนวทางทำวิดีโอขายสินค้าตามกลุ่มเป้าหมาย
แกลเลอรีเหล่านี้เปิดให้ใช้งานทันที ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์ และเหมาะกับทั้งผู้ใช้ทั่วไป นักเรียน นักการตลาด หรือผู้ประกอบการที่อยากสร้างเครื่องมือดิจิทัลส่วนตัวแบบรวดเร็ว
แม้ปัจจุบัน Opal จะยังจำกัดการใช้งานเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา และรองรับเพียงภาษาอังกฤษ แต่แนวคิดนี้ก็สะท้อนเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่เน้นการลดขั้นตอนพัฒนาแอปให้เข้าถึงง่ายสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะในยุคที่ AI และเครื่องมืออัตโนมัติเข้ามาช่วยเปลี่ยนบทบาทของผู้ใช้จาก “นักพัฒนา” ไปสู่ “ผู้ออกแบบไอเดีย”