July 5, 2025

Meta รวมอัจฉริยะ AI ระดับโลก สร้าง Superintelligence Labs พร้อมสร้าง AI ฉลาดที่สุดในโลก

ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI ทวีความร้อนแรง Meta กำลังแสดงให้โลกเห็นว่าการจะสร้าง “Superintelligence” ไม่ได้อาศัยแค่ทรัพยากรด้านเงินหรือข้อมูลเท่านั้น แต่ต้องมี “สมองระดับโลก” มาร่วมขับเคลื่อน

ด้วยการก่อตั้ง Meta Superintelligence Labs บริษัทได้ดึงตัวนักวิจัยระดับแนวหน้าจาก OpenAI, Google DeepMind, Google Research, Anthropic และ Scale AI มารวมกันเป็นทีมใหม่ที่มีเป้าหมายชัดเจน: สร้างระบบ AI ที่ฉลาดระดับเหนือมนุษย์ (AGI) และกลายเป็นผู้นำแห่งยุคใหม่ของเทคโนโลยี

ทีมงานที่ Meta รวบรวมเข้ามาเป็นแกนหลักของ Superintelligence Labs ได้แก่:

  • Trapit Bansal – อดีต OpenAI / เชี่ยวชาญ Reinforcement Learning และผู้ร่วมพัฒนาโมเดล O-series
  • Shuchao Bi – อดีต OpenAI / ร่วมสร้าง GPT-4o voice mode และ o4-mini
  • Huiwen Chang – อดีต Google Research / ผู้สร้าง MaskIT และ Muse หนึ่งในแกนหลักด้านภาพของ GPT-4o
  • Ji Lin – อดีต OpenAI / ผู้อยู่เบื้องหลัง GPT-4.1, 4.5 และโมเดล o3/o4-mini
  • Joel Pobar – อดีต Anthropic และ Meta / เชี่ยวชาญระบบโครงสร้างพื้นฐาน PyTorch และ HHVM
  • Jack Rae – อดีต Google DeepMind / นำทีมพัฒนา Gemini 2.5, Gopher และ Chinchilla
  • Hongyu Ren – อดีต OpenAI / ร่วมพัฒนา GPT-4o, o3/o4-mini
  • Johan Schalkwyk – อดีต Google / Google Fellow, Tech lead เบื้องหลัง Maya (ระบบสังเคราะห์เสียง)
  • Pei Sun – อดีต Google DeepMind / ผู้เชี่ยวชาญด้าน reasoning และโมเดล AI ของ Waymo
  • Jiahui Yu – อดีต OpenAI และทีม Gemini / ร่วมสร้าง GPT-4.1, 4o และ mini พร้อมเป็นหัวหน้าทีม Multimodal
  • Shengjia Zhao – อดีต OpenAI / หนึ่งในผู้ร่วมพัฒนา ChatGPT, GPT-4 และผู้นำการสร้าง Synthetic Data

นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้ง Alexandr Wang ซีอีโอของ Scale AI ให้เป็นหัวหน้าทีม Meta Superintelligence Labs ซึ่งถือเป็นการเดินเกมเชิงกลยุทธ์ที่วางเป้าหมายระยะยาวอย่างชัดเจน

ดราม่าทุ่ม 100 ล้านดึงตัว 3 หัวกะทิ OpenAI – เติมจิ๊กซอว์สุดท้ายของ Superintelligence

ล่าสุด Meta ยังเดินหน้าเสริมทัพด้วยการดึงตัวนักวิจัยระดับหัวแถวจาก OpenAI เพิ่มอีก 3 คน ได้แก่

  • Lucas Beyer
  • Alexander Kolesnikov
  • Xiaohua Zhai

ทั้งสามเคยสร้างชื่อจากผลงานระดับตำนานใน Google Research Zurich โดยเป็นผู้ร่วมพัฒนา Vision Transformer (ViT) และเทคนิค self-supervised learning ชั้นแนวหน้าอย่าง SimCLR, BYOL และ Barlow Twins ก่อนจะย้ายเข้าสู่ OpenAI และมีบทบาทสำคัญใน โครงสร้างการเรียนรู้ภาพแบบ Multimodal ที่ใช้ใน GPT-4o

ที่ OpenAI ทั้งสามมีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนา ระบบฝึกโมเดลด้วยภาพและวิดีโอ เพื่อใช้ร่วมกับภาษาใน GPT รุ่นล่าสุด โดยเฉพาะใน โมดูล image encoder และการเชื่อมต่อข้อมูลข้าม modality เช่น การเข้าใจภาพร่วมกับข้อความ และการแปลความวิดีโอ ซึ่งกลายเป็นหัวใจของความสามารถแบบ multimodal ที่เราเห็นใน GPT-4o

รายงานจากหลายแหล่งข่าวในแวดวงเทคโนโลยีระบุว่า การดึงตัวกลุ่มนี้มีมูลค่าข้อตกลงรวมสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 พันล้านบาท ครอบคลุมทั้งค่าจ้าง, โบนัสจูงใจ, และสิทธิหุ้นพนักงาน ซึ่งนับว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการ AI

แม้ Lucas Beyer และผู้บริหารของ Meta จะออกมาปฏิเสธจำนวนเงินมหาศาลก้อนนี้ว่าว่าเป็นเป็นความจริงก็ตาม

เรามองมองว่า การดึงทีมนี้คือ “จิ๊กซอว์สุดท้าย” ที่ Meta ต้องการ เพื่อเติมเต็มพลังด้าน Computer Vision และ Self-Supervised Learning ซึ่งจะช่วยให้โครงการ Superintelligence ขยับเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นในทุกมิติ ไม่ใช่แค่ด้านภาษา แต่รวมถึงการมองเห็น เข้าใจภาพ และเหตุการณ์ในโลกจริง

ถึงตอนนี้ Meta มีทุกองค์ประกอบอยู่แล้ว — ข้อมูลระดับมหาศาลจาก Facebook, IG, WhatsApp / เครื่องมือจาก Scale AI / เงินทุนระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ (Market Cap) / และตอนนี้คือ สมองระดับโลก ที่เหลือก็แค่เดินหน้า