July 4, 2025

5G จะครองโลก! เมื่อผู้ใช้งานทั่วโลกพุ่งแตะ 6.3 พันล้านรายในปี 2030 — ไทยพร้อมสู่คลื่นแห่งนวัตกรรม

รายงาน Ericsson Mobility ฉบับล่าสุด (มิถุนายน 2025) เปิดเผยตัวเลขสุดสนใจ โดยภายในปี 2030 โลกจะมีบัญชีผู้ใช้งาน 5G มากถึง 6.3 พันล้านราย หรือคิดเป็น 80% ของผู้ใช้มือถือทั้งหมดทั่วโลก เป็นสัญญาณชัดเจนว่า 5G ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่คือ “โครงสร้างพื้นฐานหลัก” ของเศรษฐกิจดิจิทัลโลกในอนาคต

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย คาดว่าภายในปี 2030 จะมีผู้ใช้งาน 5G มากถึง 630 ล้านราย คิดเป็น เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรผู้ใช้มือถือในภูมิภาคนี้ นี่คือการเติบโตที่สะท้อนถึงความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐาน และศักยภาพของเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการเติบโตของภาคธุรกิจ

รายงานระบุว่า แม้การเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าจะเริ่มชะลอตัวในภาพรวม แต่ความต้องการใช้งานยังคงพุ่งไม่หยุด โดยเฉพาะการใช้งานแอปพลิเคชันยุคใหม่ เช่น AI Agent, Generative AI (GenAI), และ แว่นตาอัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องการเครือข่ายที่มี “ความเร็วสูง, latency ต่ำ และมีประสิทธิภาพในการอัปโหลด (uplink)” ซึ่ง 5G SA (Standalone) คือคำตอบ

5G Mid-Band: คลื่นที่กำลังกลายเป็นรากฐานโลก

ในสิ้นปี 2024 เครือข่าย 5G Mid-Band ได้ครอบคลุมกว่า 50% ของประชากรยุโรปแล้ว แต่ยังตามหลังภูมิภาคผู้นำอย่าง อเมริกาเหนือ (90%) และ อินเดีย (95%) ซึ่งเป็นตัวอย่างว่าประเทศที่ลงทุนใน 5G อย่างจริงจังจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้รวดเร็วเพียงใด

มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) เน้นย้ำถึงบทบาทของ 5G ในฐานะ “พลังขับเคลื่อน” เศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า “เรากำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยน ที่ 5G และระบบนิเวศรอบข้าง กำลังพร้อมแล้วที่จะปลดปล่อย ‘คลื่นแห่งนวัตกรรม’ สู่โลกจริง”

ด้วยพัฒนาการของอุปกรณ์รองรับ 5G ที่มีความสามารถมากขึ้น และความก้าวหน้าของเครือข่าย 5G SA ที่พร้อมรองรับยูสเคสเชิงลึก — ตั้งแต่ การผลิตอัตโนมัติ, เมืองอัจฉริยะ, ไปจนถึง ระบบ AI ส่วนบุคคลในชีวิตประจำวัน — ประเทศไทยมีโอกาสก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง หากมีการผลักดันการใช้ 5G SA อย่างต่อเนื่อง และขยายฐานความถี่ย่าน Mid-Band ให้เพียงพอกับความต้องการของอนาคต

5G ไม่ได้เป็นเพียงเครือข่ายสำหรับสื่อสารเร็วขึ้นเท่านั้น แต่กำลังกลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด — ทั้ง AI, IoT, AR/VR, และระบบดิจิทัลแบบเรียลไทม์ — โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ AI Agent เริ่มกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวจริงจัง และ แอปพลิเคชันต่าง ๆ ต้องการการเชื่อมต่อแบบแยกเฉพาะ (Differentiated Connectivity) เพื่อมอบประสบการณ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง