November 24, 2024

รายงานของ Salesforce ระบุว่า ผู้ประกอบอาชีพด้านการขายในประเทศไทยใช้เวลาเพียง 30% ในการขาย

 Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) ผู้นำด้านระบบ CRM ระดับโลก ได้เปิดตัวรายงาน State of Sales ฉบับล่าสุดซึ่งรวมผลการสำรวจจากประเทศไทย โดยรายงานได้นำเสนอข้อมูลจากตัวแทนผู้ประกอบอาชีพด้านการขายหรือพนักงานขายของบริษัทกว่า 5,500 ราย จาก 27 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมข้อมูลจากพนักงานขายในประเทศไทยจำนวน 200 ราย

รายงาน State of Sales ได้ชี้ให้เห็นว่า ทีมงานด้านการขายกำลังหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้ และการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า  เพื่อสร้างการเติบโตและความสำเร็จในตลาดที่มีการแข่งขันสูง 

รายงานของ Salesforce ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญดังนี้

  • ผู้ประกอบอาชีพด้านการขายต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านเวลา ในการตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้า ความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นความท้าทายด้านการขายอันดับหนึ่งที่ผู้ตอบแบบสำรวจพบทั่วโลก แต่การหาโอกาสพบปะพูดคุยกับลูกค้านั้นเป็นเรื่องยาก
    • ผู้ประกอบอาชีพด้านการขายในประเทศไทยใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 30% ของชั่วโมงการทำงานทั้งหมดในรอบสัปดาห์ ในการติดต่อสัมพันธ์กับลูกค้า
    • 64% ของพนักงานขายในประเทศไทยระบุว่า  ความคาดหวังของลูกค้าในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหากเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีพนักงานขายเพียง 16% เท่านั้นที่มองในทิศตรงกันข้ามว่าความท้าทายในปีนี้ลดน้อยลง
  • การนำ AI มาใช้งานได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความไว้วางใจและช่องว่างด้านข้อมูล การนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้ในธุรกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากทีมงานต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปรับปรุงการให้บริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งาน ในด้านความปลอดภัย การเชื่อมโยงระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และความไม่ไว้วางใจจากลูกค้า ดังนั้น แม้เทคโนโลยี AI จะมีศักยภาพสูงสำหรับการดำเนินธุรกิจ แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  1. จากการสำรวจพบว่า 77% ของทีมงานด้านการขายในประเทศไทยได้นำระบบ AI มาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบหรือกำลังอยู่ในช่วงทดลองใช้งาน และยังมีทีมอีกพนักงานขายอีก 14% ที่อยู่ระหว่างการประเมินเทคโนโลยี AI เพื่อนำมาใช้ในการทำงาน
  1. ผลสำรวจพบว่าประโยชน์สำคัญที่สุดของการนำ AI มาใช้สำหรับทีมงานด้านการขายในประเทศไทย คือด้านการเพิ่มคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ในการทำงาน (Data quality and Accuracy)
  2. ความกังวลต่อความปลอดภัยของข้อมูล เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทีมงานด้านการขายในประเทศไทยพบในระหว่างการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งาน
  3. ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้พนักงานขายยังไม่สามารถใช้ AI ในการทำงานอย่างได้เต็มประสิทธิภาพ  โดยมีพนักงานทั่วโลกเพียง 35% เท่านั้นที่เชื่อมั่นในความถูกต้องของข้อมูลที่ตนเองมีอยู่
    • ผู้ประกอบอาชีพด้านการขายในประเทศไทยระบุว่า กระบวนการขายที่ประสบปัญหาจากการขาดข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายและโควต้าการขายที่สามารถบรรลุได้ (40%) การขาดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบัญชีลูกค้า (37%) และการขาดข้อมูลเพื่อการแข่งขันที่เพียงพอ (35%)
  • การรักษาบุคลากรให้ทำงานอยู่กับองค์กรได้กลายเป็นประเด็นที่มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในระดับสากล ในขณะที่ตลาดแรงงานมีความตึงตัว ส่งผลให้พนักงานขายส่วนใหญ่ยังคงทำงานอยู่กับองค์กรเดิม จากการศึกษาพบว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทีมงานด้านการขายทั่วโลกนั้นมีอัตราการหมุนเวียนพนักงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 18% ซึ่งลดลงจาก 25% จากการสำรวจในปี 2565 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรนั้นมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค
  1. สำหรับประเทศไทย ในช่วงปีที่ผ่านมาอัตราการลาออกของพนักงานด้านการขายมีค่าเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 20%
  2. 6% ของผู้ประกอบอาชีพด้านการขายในประเทศไทยกำลังมองหางานใหม่

ธิติรัตน์ ทองถาวร ผู้จัดการประจำ Salesforce ประเทศไทย กล่าวว่า “ความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ทำให้ผู้ประกอบอาชีพด้านการขายในประเทศไทยจำเป็นต้องทุ่มเทเวลามากขึ้นในการทำความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า เทคโนโลยี AI มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่พวกเขา โดยช่วยประหยัดเวลาในการทำงานประจำ ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้นสำหรับการสร้างความสัมพันธ์และเข้าถึงลูกค้า อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถนำ AI มาประยุกต์ใช้ในทีมขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทต้องแก้ไขจุดบกพร่องพื้นฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของ AI ด้วยการรวบรวมข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้บนแพลตฟอร์มเดียวที่เชื่อถือได้ และบูรณาการ AI เข้าไปในกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด”

วิธีทำการสำรวจ 

Salesforce ได้จัดทำการสำรวจแบบไม่เปิดเผยชื่อผู้ตอบแบบสอบถามสองครั้ง (Double-Anonymous Survey) โดยมีผู้ประกอบอาชีพด้านการขายจำนวน 5,500 คนเป็นกลุ่มตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8 มีนาคม ถึง 18 เมษายน 2567 ผู้มีตอบแบบสำรวจจาก 27 ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ เอเชียแปซิฟิก และยุโรป รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการสำรวจและข้อมูลประชากรศาสตร์ของผู้ตอบแบบสำรวจ สามารถศึกษาได้จากรายงานฉบับสมบูรณ์

ข้อมูลเพิ่มเติม: