November 23, 2024

Google ยอมจ่าย 1000 ล้านบาทเพื่อยุติคดีติดตามตำแหน่งผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม

ยักษ์ใหญ่ด้านเสร์ชเอนจิ้นและโฆษณาจำใจต้องจ่ายเงินจ่ายเงินรวมมากกว่า 1000 ล้านบาท เพื่อยุติการฟ้องร้อง 2 คดีที่ฟ้องร้องใน 2 รัฐ แบ่งเป็นมากกว่า 325 ล้านบาทในรัฐวอชิงตัน ดี.ซี.และมากกว่า 684 ล้านบาทให้กับรัฐอินเดียนา หลังจากที่รัฐฟ้องร้องบริษัทในข้อหาที่บริษัทติดตามตำแหน่งของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม

การฟ้องร้องเกิดขึ้นหลังจากมีการเปิดเผยในปี 2018 ว่าบริษัทมีการติดตามตำแหน่งของผู้ใช้บน Android และ iOS ผ่านการตั้งค่าที่เรียกว่ากิจกรรมบนเว็บและแอป แม้ว่าจะปิดตัวเลือกประวัติตำแหน่งก็ตาม

Google ยังถูกกล่าวหาว่าใช้รูปแบบกราฟิกโทนสีเข้ม ในการออกแบบที่ตั้งใจหลอกลวงผู้ใช้ให้ดำเนินการที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและเปิดเผยข้อมูลมากเกินไปโดยที่พวกเขาไม่รู้หรือยืนยัน

“Google ใช้ข้อมูลตำแหน่งที่รวบรวมจากผู้ใช้ในรัฐอินเดียนาเพื่อสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้โดยละเอียดและกำหนดเป้าหมายโฆษณา แต่ Google ได้หลอกลวงและทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักปฏิบัติของตนมาอย่างน้อยตั้งแต่ปี 2014” รัฐกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ตามข้อตกลง บริษัทได้รับคำสั่งให้แจ้งผู้ใช้ที่เปิดใช้งานประวัติตำแหน่งและกิจกรรมบนเว็บและแอพว่ามีการรวบรวมข้อมูลตำแหน่งหรือไม่ รวมถึงขั้นตอนที่ผู้ใช้สามารถทำได้เพื่อปิดการตั้งค่าและลบข้อมูล

นอกจากนี้ Google ยังต้องดูแลให้หน้าเว็บที่เปิดเผยประเภทและแหล่งที่มาของข้อมูลตำแหน่งทั้งหมดที่รวบรวม ตลอดจนต้องไม่มีการแบ่งปันข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้กับผู้โฆษณาบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้ง

ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องลบข้อมูลตำแหน่งที่ได้รับจาก “อุปกรณ์หรือ IP Address ในกิจกรรมบนเว็บและแอพโดยอัตโนมัติภายใน 30 วัน” หลังจากได้รับข้อมูล

Google ระบุในเดือนพฤศจิกายน 2022 ว่าคดีฟ้องร้องอิงตาม “นโยบายผลิตภัณฑ์ที่ล้าสมัย” และบริษัทได้เปิดตัวการปรับปรุงความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสจำนวนมากที่อนุญาตให้ผู้ใช้ลบข้อมูลตำแหน่งที่เชื่อมโยงกับบัญชีของตนโดยอัตโนมัติ

Google ระบุเพิ่มเติมว่าจะเริ่มให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้ “โดยละเอียด” มากขึ้นเกี่ยวกับการควบคุมกิจกรรมบนเว็บและแอป นอกเหนือจากการเปิดตัวศูนย์กลางข้อมูลและการสลับใหม่เพื่อปิดทั้งการตั้งค่าประวัติตำแหน่งและกิจกรรมบนเว็บและแอป และลบข้อมูลที่ผ่านมาให้สามารถเข้าใจและทำได้ง่ายขึ้น

“ด้วยศักภาพในการติดตามและการเฝ้าดู ที่บริษัทเทคโนโลยีสามารถฝังลงในผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายได้ จึงเป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่ผู้บริโภคจะได้รับแจ้งว่าข้อมูลผู้ใช้นั้นมีความสำคัญเพียงใด ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ถูกรวบรวม ติดตาม และนำไปใช้ประโยชน์บริษัทต่างๆ” คาร์ล เอ. ราซีน อัยการสูงสุดของรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าว