November 24, 2024

“หัวเว่ย” เปิดตัวซอฟต์แวร์ Ascend AI เต็มรูปแบบ มุ่งอุดช่องว่างระหว่างการประมวลผล AI กับการใช้งานจริง

หัวเว่ย เปิดตัวซอฟต์แวร์ Ascend AI เต็มรูปแบบในการประชุม Huawei Ascend Innovation (HAI) 2020 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหลักชัยสำคัญในขณะที่หัวเว่ยและพาร์ทเนอร์กำลังเดินหน้าผลักดันการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวประกอบด้วย Compute Architecture for Neural Networks (CANN) 3.0, MindStudio และ MindX ซึ่งทั้งหมดนี้ครอบคลุมการพัฒนาซอฟต์แวร์พื้นฐานไปจนถึงการใช้งาน AI ในความเป็นจริง

โทนี่ ซู ประธาน Huawei Ascend Computing Business กล่าวว่า เป้าหมายของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือ การดึงพลังของการประมวลผล AI ออกมาให้มากที่สุด ทั้งคุณสมบัติที่เข้าถึงง่าย ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพ คุณค่าของ AI จะได้รับการปลดล็อกอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถอุดช่องว่างระหว่างการประมวลผล AI กับการใช้งานจริง ซึ่งการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อนักพัฒนาและบริษัทสตาร์ทอัพ รวมถึงอุตสาหกรรมมากมาย

โซลูชันประมวลผล AI ของหัวเว่ยมีจุดเด่นอยู่ที่พลังการประมวลผลอันเหนือชั้น เปิดกว้าง ใช้งานง่าย ปลอดภัย และใช้พลังงานต่ำ โซลูชัน AI เหล่านี้ถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น สุขภาพ การขนส่ง การเงิน การอุดมศึกษา การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การสำรวจทางดาราศาสตร์ เมืองอัจฉริยะ และการสำรวจน้ำมัน

CANN 3.0: กำหนดนิยามใหม่ของประสิทธิภาพและสมรรถนะการประมวลผล

สถาปัตยกรรมพื้นฐานคือตัวเชื่อมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลดล็อกศักยภาพการประมวลผล AI ทั้งนี้ หัวเว่ยเปิดตัว CANN 1.0 ในงาน HUAWEI CONNECT 2018 และล่าสุดได้เปิดตัว CANN 3.0 ที่ได้รับการอัปเกรดให้เป็นสถาปัตยกรรมประมวลผลแบบ Heterogeneous

CANN 3.0 รองรับ Backward Compatibility โดยใช้ CANN เป็นพื้นฐานการประมวลผลระหว่างอุปกรณ์ เอดจ์ และคลาวด์ จึงช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้รหัสชุดเดียวกับ 10 ฟอร์มแฟกเตอร์, 14 ระบบปฏิบัติการ และ AI Framework อีกมากมาย ทำให้สามารถพัฒนา AI ได้ในทุกสภาพการณ์ นอกจากนี้ CANN 3.0 ยังใช้งานง่ายขึ้น เนื่องจากมาพร้อม AscendCL ที่มีอินเทอร์เฟซตั้งค่าได้ตามความต้องการของนักพัฒนา เพื่อรองรับการทำงานที่เฉพาะเจาะจงและช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดย CANN 3.0 มีให้เลือกใช้งานสองโหมด ได้แก่ TBE-DSL และ TBE-TIK ซึ่งมาพร้อมประสิทธิภาพและสมรรถนะทั้งคู่

CANN 3.0 ปลดล็อกประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ AI อย่างเต็มที่ด้วยฟีเจอร์เด่นมากมาย ได้แก่ ไลบรารีอัลกอริทึมประสิทธิภาพสูงที่รวบรวมกว่า 1,000 โอเปอเรเตอร์ การตั้งค่ากราฟเชิงลึก การแยกและรวมกราฟอัตโนมัติ และการตั้งค่าข้อมูลอัจฉริยะ

ด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถในการปรับตัวสูง ฮาร์ดแวร์ Huawei Atlas ที่ใช้ CANN 3.0 จึงมีประสิทธิภาพโดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาดทั้งในส่วนของการอนุมานและการเทรนโมเดล โดยในการประมวลผลวิดีโอนั้น Atlas 300I Inference Card ที่ใช้ชิป Ascend สามารถประมวลผลวิดีโอระดับ 1080p 25FPS HD พร้อมกัน 80 แชนแนล หรือมากกว่าคู่แข่งในตลาดถึงสองเท่า

MindStudio 2.0: เครื่องมือครบวงจรที่ช่วยลดอุปสรรคในการพัฒนา AI

MindStudio 2.0 ช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนาตั้งแต่ต้นจนจบ ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาโอเปอเรเตอร์ การเทรนโมเดล การอนุมาน การพัฒนาแอปพลิเคชัน ไปจนถึงการใช้งานจริง โดยนักพัฒนาสามารถพัฒนา AI ได้อย่างง่ายดายแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และไม่ต้องใช้เครื่องมือมากมายให้ยุ่งยาก

MindStudio รองรับการเทรนและการอนุมาน โดยมาพร้อมเครื่องมือเทรน Ascend ที่ใช้อัลกอริทึม Less BN ในการระบุ BN Operator ที่ไม่จำเป็นในเครือข่าย และใช้อัลกอริทึม Random Freezing ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรนโมเดลอย่างมีนัยสำคัญ ในส่วนของการอนุมานนั้น เครื่องมือบีบอัดโมเดล Ascend ใช้อัลกอริทึมอัจฉริยะในการเร่งกระบวนการอนุมาน

MindX: 2+1+X ช่วยนำการประมวลผล AI มาสู่อุตสาหกรรมมากมาย

สำหรับการประมวลผล AI นั้น นอกเหนือจากประสิทธิภาพแล้ว หัวเว่ยยังให้ความสำคัญกับการใช้งานง่ายด้วย โดยในการประชุม HAI 2020 หัวเว่ยได้เปิดตัว MindX 1.0 ซึ่งประกอบด้วยฟีเจอร์ 2+1+X ที่จะช่วยเร่งการหลอมรวม AI กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดย 2 หมายถึงแพลตฟอร์มดีปเลิร์นนิง MindX DL และแพลตฟอร์มอินเทลลิเจนท์เอดจ์ MindX Edge ส่วน 1 หมายถึงไลบรารีเทรนโมเดล ModelZoo และ X หมายถึงชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ

MindX DL รองรับการจัดการทรัพยากรประมวลผลและอุปกรณ์ศูนย์ข้อมูล ช่วยให้พาร์ทเนอร์สามารถพัฒนาระบบดีปเลิร์นนิงได้อย่างรวดเร็ว โดยในโอกาสนี้ เจมส์ เป่ย ประธานของ 4Paradigm บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ชั้นนำ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่ 4Paradigm และ Huawei ร่วมกันสร้างอุปกรณ์ AI เต็มรูปแบบ

MindX Edge มีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการรวมบริการอนุมานเอดจ์-คลาวด์บนอุปกรณ์หลากหลายด้วยคลิกเดียว โดยใช้เมมโมรีเพียง 256 MB และใช้ CPU เพียง 3%

ModelZoo แยกประเภทโมเดลตามสภาพการณ์และกรอบการทำงาน โดยถือเป็นกลไลหลักของแพลตฟอร์มดีปเลิร์นนิง MindX DL และ MindX Edge ปัจจุบัน หัวเว่ยให้บริการโมเดลประสิทธิภาพสูงกว่า 20 โมเดลใน ModelZoo และคาดว่าจะทะลุ 50 โมเดลในครึ่งหลังของปีนี้

Huawei Ascend ก้าวไปอีกขั้นในการผลักดันการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยการนำเสนอ SDK ที่อาศัยอัลกอริทึมพื้นฐานและความเชี่ยวชาญด้าน AI ของหัวเว่ย ปัจจุบัน หัวเว่ยใช้โซลูชันการผลิตอัจฉริยะขุมพลังแพลตฟอร์ม Atlas ใน Songshan Lake Production Center โดยโซลูชัน AI ดังกล่าวสามารถตรวจพบตำหนิและชิ้นส่วนที่หายไปภายในไม่กี่วินาที ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบจาก 90% (เมื่อใช้ระบบแมชชีนวิชั่นทั่วไป) เป็น 99.9% และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากถึง 3 เท่า จึงบรรลุผลสำเร็จด้านการผลิตอัจฉริยะโดยได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์ม Atlas

“AI ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางกับสถานีงาน สายการผลิต และเวิร์กช็อปในโรงงานหลายแห่งของหัวเว่ย” ดร.อู๋ เจียหวิน หัวหน้า Vision Lab ใน Industrial Automation Lab ของหัวเว่ย กล่าว ทั้งนี้ สายการผลิตกว่า 80 สายในโรงงานของหัวเว่ยต่างใช้ AI ในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ ผลิตภัณฑ์ 5G และเทอร์มินอล โดยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการใช้งานในวงกว้างจะถูกนำไปรวมไว้ใน SDK สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต หัวเว่ยคาดการณ์ว่า SDK ที่หลอมรวมเทคโนโลยีวิชั่นกับอุตสาหกรรมการผลิตจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้

นอกจากนี้ พาร์ทเนอร์จำนวนมากขึ้นต่างหันมาใช้ Huawei Atlas ในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสู่ระบบดิจิทัล ยกตัวอย่างเช่น iFLYREC ซึ่งเป็นระบบแปลภาษาทันทีของ iFLYTEK ก็แปลเนื้อหาการประชุมออนไลน์ HAI 2020 โดยใช้โซลูชัน Atlas AI

ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC) ก็ใช้ Huawei Atlas เช่นเดียวกัน เฉิน เจี้ยนจวิน ผู้จัดการอาวุโสฝ่าย Big Data and AI Lab ของธนาคาร ICBC เปิดเผยว่า ทางธนาคารได้เปิดตัวบริการ Smart Brain ที่ใช้แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์พื้นฐานและฮาร์ดแวร์ Atlas เพื่อประมวลผลข้อมูลการเงินที่มีจำนวนมากและมีมิติมากด้วยความหน่วงต่ำ

หัวเว่ยมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่ายที่สุดให้แก่ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ และรับหน้าที่จัดการกับความซับซ้อนด้วยตัวเอง โทนี่ ซู กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ Ascend AI เต็มรูปแบบของหัวเว่ยช่วยให้ฮาร์ดแวร์ AI ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงการใช้งาน AI โดย Ascend เป็นทั้งแพลตฟอร์มรองรับโครงสร้างพื้นฐาน AI และช่วยผลักดันการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปัจจุบัน หัวเว่ยกำลังทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์หลายรายเพื่อสร้างระบบนิเวศการประมวลผล Ascend และก้าวสู่โลกแห่งอัจฉริภาพไปด้วยกัน