ปิดดีล… IBM ทุ่ม 1 ล้านล้านบาท เข้าซื้อ Red Hat หวังครองตลาดไฮบริดคลาวด์
ไอบีเอ็มและเรดแฮตประกาศผลสำเร็จของธุรกรรมการเข้าซื้อทั้งหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายและอยู่ในมือผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในราคา 190 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น รวมเป็นกรรมสิทธิหุ้นมูลค่า 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของตลาดคลาวด์สำหรับธุรกิจ เป็นการผนวกเทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์แบบโอเพ่นของเรดแฮตเข้ากับนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เหนือใคร รวมถึงความเป็นผู้นำด้านการขายในกว่า 175 ประเทศของไอบีเอ็ม การผนึกกำลังของไอบีเอ็มและเรดแฮตจะนำสู่แพลตฟอร์มมัลติคลาวด์แบบไฮบริดแห่งอนาคตที่จะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยแพลตฟอร์มคลาวด์บนพื้นฐานของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สอย่างลินุกซ์และคูเบอร์เนทิส จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับใช้ รัน และบริหารจัดการข้อมูลและแอพพลิเคชันบนคลาวด์ทั้งที่อยู่ในองค์กร (on premise) ไพรเวทคลาวด์ และแบบพับลิคคลาวด์ที่มีผู้ให้บริการหลายราย
“ธุรกิจต่างๆ กำลังก้าวเข้าสู่แชปเตอร์ต่อไปของดิจิทัลรีอินเวนชัน การปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้มีความทันสมัย และการย้ายเวิร์คโหลดสำคัญๆ (mission-critical workloads) ระหว่างไพรเวทคลาวด์และคลาวด์จากผู้ให้บริการหลายราย” นางจินนี โรเม็ตตี ประธานบริษัท ประธานกรรมการ และซีอีโอของไอบีเอ็ม กล่าว “องค์กรต่างๆ จะต้องการโอเพ่นเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่น ที่จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการระบบคลาวด์แบบไฮบริดที่มีการใช้งานคลาวด์หลายรูปแบบและจากผู้ให้บริการหลายราย และองค์กรเหล่านี้จะต้องการพันธมิตรที่น่าเชื่อถือในการเข้ามาช่วยบริหารจัดการและเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบของตน ไอบีเอ็มและเรดแฮตคือตัวเลือกหนึ่งเดียวที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ ในฐานะผู้นำบริการไฮบริดคลาวด์ เราพร้อมแล้วที่จะช่วยวางรากฐานเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับลูกค้า เพื่อรองรับทศวรรษที่กำลังจะมาถึง”
“เวลาที่เราพูดคุยกับลูกค้า ความท้าทายที่ลูกค้าของเราต่างกำลังเผชิญคือการที่จะต้องเดินหน้าให้เร็วกว่าและสร้างความแตกต่างผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้ องค์กรต่างๆ กำลังมองถึงการสร้างวัฒนธรรมที่มีความร่วมมือกันมากกว่านี้ และต้องการโซลูชันที่ให้ความยืดหยุ่นในการสร้างและใช้แอพหรือเวิร์คโหลดต่างๆ ไม่ว่าที่ไหน” นายจิม ไวท์เฮิร์สท์ ประธานกรรมการและซีอีโอของเรดแฮต กล่าว “เรามองว่าโอเพ่นซอร์สจะกลายเป็นมาตรฐานที่แท้จริงของเทคโนโลยี เพราะจะเข้ามาสนับสนุนโซลูชันต่างๆ เหล่านี้ การผนึกกำลังกับไอบีเอ็มช่วยให้เรดแฮตมีโอกาสนำนวัตกรรมโอเพ่นซอร์สไปสู่กลุ่มองค์กรต่างๆ มากขึ้น และช่วยให้เราสามารถขยายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการโซลูชันไฮบริดคลาวด์ที่ตรงกับความต้องการและมีความคล่องตัวอย่างแท้จริง”
เรดแฮตจะอยู่ภายใต้การนำของนายจิม ไวท์เฮิร์สท์และทีมผู้บริหารปัจจุบันต่อไป โดยนายไวท์เฮิร์สท์จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้บริหารระดับสูงของไอบีเอ็ม และรายงานตรงต่อนางจินนี โรเม็ตตี โดยสำนักงานใหญ่ของเรดแฮตจะคงอยู่ที่เมืองราลีห์ รัฐนอร์ธแคโรไลนา ภายใต้รูปแบบสำนักงาน แบรนด์ และแนวทางปฏิบัติแบบเดิม ทั้งนี้ เรดแฮตจะดำเนินการเป็นส่วนงานที่แยกออกมาชัดเจนภายในไอบีเอ็ม และจะรายงานผลประกอบการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจคลาวด์และค็อกนิทิฟซอฟต์แวร์
ทั้งสององค์กรได้สร้างคลาวด์เอ็นเตอร์ไพรซ์ชั้นนำสำหรับองค์กรมาอย่างต่อ และมีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งจากการเข้าช่วยลูกค้าย้ายโมเดลทางธุรกิจต่างๆ สู่ระบบคลาวด์
รายได้คลาวด์ของไอบีเอ็มเติบโตจาก 4% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2556 สู่ 25% ในปัจจุบัน อันเป็นผลมาจากโซลูชัน ซอฟต์แวร์ บริการบริหารจัดการด้านไอที และฮาร์ดแวร์ในรูปแบบบริการ (as-a-service) ที่ครอบคลุม ที่ช่วยให้ไอบีเอ็มสามารถให้คำแนะนำ สร้าง เคลื่อนย้าย หรือบริหารจัดการโซลูชันคลาวด์ต่างๆ ระหว่างสิ่งแวดล้อมแบบพับลิค ไพรเวท หรือภายในองค์กร (on-premise) ให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา นับจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้ของไอบีเอ็มคลาวด์โตขึ้นจนสูงกว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าการเข้าซื้อกิจการเรดแฮตจะนำสู่การเติบโตประจำปีของไอบีเอ็มเพิ่มขึ้น 2 จุดในระยะเวลา 5 ปี
ในปีงบประมาณ 2562 เรดแฮตมีรายได้ 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบปีต่อปี มีรายได้ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2563 ตามที่รายงานในเดือนมิถุนายน 934 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบปีต่อปี รวมถึงรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอพพลิเคชันและบริการเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่รายได้ของบริการด้านไอทีเติบโต 17%
โอกาสของไฮบริดคลาวด์
ดิจิทัลรีอินเวนชันกำลังมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่องค์กรจะต้องก้าวเข้าสู่บทต่อไปบนเส้นทางการใช้คลาวด์ วันนี้องค์กรต่างๆ มีการเคลื่อนย้ายข้อมูลสู่คลาวด์เฉลี่ยเพียง 20% โดยเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการผลิต และขับเคลื่อนโครงการด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า แต่ในแชปเตอร์ที่ 2 ซึ่งเป็นก้าวต่อไป องค์กรจะเริ่มย้ายเวิร์คโหลดสำคัญๆ (mission-critical workloads) สู่คลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทุกระบบตั้งแต่ซัพพลายเชนส์ไปจนถึงระบบหลักทั้งหมดของธนาคาร (core banking systems)
การจะประสบความสำเร็จในก้าวต่อไปของเส้นทางคลาวด์ได้นั้น องค์กรต่างๆ จะต้องสามารถบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ภายในหรือภายนอกองค์กร เป็นคลาวด์แบบไพรเวทหรือพับลิค หรือไม่ว่าจะมาจากผู้ให้บริการคลาวด์รายใด โดยบริหารจัดการทั้งหมดได้อย่างไม่ซับซ้อน มีประสิทธิภาพ และผสานรวมอย่างเป็นระบบ องค์กรต่างๆ กำลังมองหาสิ่งแวดล้อมที่สามารถสร้างขึ้นมาในครั้งเดียว แต่สามารถนำไปใช้กับระบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว โดยไอบีเอ็มได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ของลูกค้า เพื่อช่วยขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กร การเข้าซื้อกิจการของเรดแฮตจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของไอบีเอ็มในฐานะผู้นำด้านไฮบริดคลาวด์สำหรับเอ็นเตอร์ไพรซ์
“ในเวลาที่องค์กรกำลังมองหาแนวทางในการเร่งนำนวัตกรรมมาช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ ได้เริ่มมองถึงสิ่งแวดล้อมแบบโอเพ่นซอร์สและดิสทริบิวเต็ดคลาวด์ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำได้ ไอดีซีคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า องค์กรจะลงทุนเรื่องคลาวด์และนวัตกรรมบนคลาวด์เป็นเม็ดเงินมหาศาล โดยสัดส่วนใหญ่ๆ ของการลงทุนที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น จะตกอยู่ที่การสร้างสิ่งแวดล้อมไฮบริดและมัลติคลาวด์แบบโอเพ่นที่จะช่วยให้สามารถย้ายแอพ ข้อมูล และเวิร์คโหลดข้ามสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้” นายแฟรงค์ เจ็นส์ รองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีมวิเคราะห์ของไอดีซี กล่าว “การเข้าซื้อกิจการของเรดแฮต และคำมั่นสัญญาของไอบีเอ็มในการให้เรดแฮตดำเนินการอย่างเป็นเอกเทศ จะช่วยให้ไอบีเอ็มกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะเข้ามาช่วยให้องค์กรสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งร่วมอุตสาหกรรม จากการใช้ประโยชน์จากโอเพ่นซอร์สในโลกของไฮบริดและมัลติคลาวด์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้”
“เดลต้าเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการสำรวจเทคโนโลยีที่มีอยู่และที่กำลังเกิดขึ้นเพื่อพลิกโฉมประสบการณ์การเดินทางทางอากาศ” นายเอ็ด บาสเตียน ซีอีโอของเดลต้า กล่าว “เราทำงานร่วมกับทั้งไอบีเอ็มและเรดแฮตมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อให้ไปถึงจุดหมายดังกล่าว และในฐานะที่องค์กรทั้งคู่กำลังร่วมกันสร้างบริษัทไอทีแห่งอนาคต พวกเขาจะเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของเรา”
“ในฐานะพันธมิตรที่ยาวนานของเรดแฮตและไอบีเอ็ม เรารอที่จะได้เห็นศักยภาพมากมายที่ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันสร้างขึ้น” นายไมเคิล โพเซอร์ กรรมการผู้จัดการและซีไอโอ กลุ่มเทคโนโลยีและบริการเอ็นเตอร์ไพรซ์ของมอร์แกนสแตนเลย์ กล่าว “ศักยภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ในการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจเป็นเรื่องที่เราทราบกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ไอบีเอ็มย้ำคำมั่นต่อโอเพ่นซอร์สและจุดยืนของเรดแฮต
ไอบีเอ็มและเรดแฮตมีประสบการณ์ด้านโอเพ่นซอร์สมาอย่างยาวนาน และได้ร่วมกันผลักดันให้โอเพ่นซอร์สเป็นทางเลือกหลักของโซลูชันไอทียุคใหม่ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการผลักดันให้เห็นถึงธรรมาภิบาลแบบโอเพ่น และการสนับสนุนโครงการและคอมมิวนิตี้โอเพ่นซอร์สต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เรดแฮตเป็นหนึ่งในบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมไอที โดยโมเดลธุรกิจที่เรดแฮตบุกเบิก ได้นำพาเทคโนโลยีอย่างลินุกซ์ คูเบอร์เนทิส แอนซิเบิล จาวา เซฟ ฯลฯ สู่การใช้งานหลักขององค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์จำนวนมาก วันนี้ ลินุกซ์เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาที่มีการใช้มากที่สุด โดยคาดว่าเฉพาะเรดแฮตเอ็นเตอร์ไพรซ์ลินุกซ์อย่างเดียว จะก่อให้เกิดรายได้แก่ธุรกิจทั่วโลกมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 และในปี 2566 จะมีผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเรดแฮตเพิ่มขึ้น 640,000 ราย
ไอบีเอ็มได้ให้คำมั่นที่จะขยายและเร่งการใช้โอเพ่นซอร์สและไฮบริดคลาวด์ในธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ และคงไว้ซึ่งความเป็นเอกเทศและไม่ขึ้นกับใครของเรดแฮต รวมถึงคุณค่าด้านโอเพ่นซอร์สที่เรดแฮตสั่งสมมาอย่างยาวนาน ทั้งการเป็นผู้นำคอมมิวนิตี้โอเพ่นซอร์ส โมเดลการสนับสนุนและพัฒนา (ผลิตภัณฑ์ พอร์ทโฟลิโอ บริการ และกลยุทธ์การเจาะตลาด) อีโคซิสเต็มของนักพัฒนาและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่โดดเด่น
พันธกิจและคำมั่นของเรดแฮตที่มีต่อโอเพ่นซอร์สจะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โดยเรดแฮตจะนำเสนอทางเลือกโอเพ่นซอร์สและสิ่งแวดล้อมด้านไอทีที่มีความยืดหยุ่นต่อไป นอกจากนี้ เรดแฮตจะยังคงเดินหน้าสร้างและขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์หลักๆ อย่างอเมซอนเว็บเซอร์วิส ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ กูเกิลคลาวด์ และอาลีบาบา
ไอบีเอ็มและเรดแฮตจะยึดมั่นพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และการมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเข้าช่วยแก้ความท้าทายทางสังคมที่สำคัญๆ ของโลก โดยทั้งสองบริษัทได้ให้คำมั่นที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหาด้านการศึกษา ทักษะ เมืองและความต้องการทางสังคม รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (Science, Technology, Engineering, and Math หรือ STEM) ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://ibm.com/blogs/corporate-social-responsibility/2019/07/be-open-and-change-the-world/