รายงาน Linux Foundation ชี้ AI หนุนการจ้างงานไอทีขยายตัวมากกว่าลดลง องค์กรเร่งอัปสกิล-ใช้โอเพ่นซอร์สอุดช่องว่างทักษะ

รายงานล่าสุดจาก Linux Foundation ได้ทลายความกังวลเรื่องการว่างงานจาก AI โดยชี้ว่าเทคโนโลยี AI กำลังผลักดันให้ตำแหน่งงานสายเทคโนโลยีสารสนเทศ “ขยายตัว” มากกว่าหดตัว ขณะที่องค์กรทั่วโลกเร่งลงทุนพัฒนาทักษะบุคลากรและหันมาใช้นวัตกรรมโอเพ่นซอร์สเพื่ออุดช่องว่างทักษะที่กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำ AI ไปใช้งานจริง
ตลาดงานไอทีโตต่อเนื่อง ไม่หดตัวตามที่หลายคนกังวล
รายงาน State of Tech Talent 2025 จาก Linux Foundation ระบุว่าองค์กรส่วนใหญ่คาดการณ์แนวโน้มการจ้างงานสุทธิในภาคเทคโนโลยีเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นจากประมาณ 18% ในปี 2024 ไปสู่ระดับ 21-23% ในช่วงปี 2025-2026 ความต้องการบุคลากรเพิ่มขึ้นทั่วทุกภูมิภาคหลัก โดยเฉพาะในสายงาน AI/ML, วิศวกรรมข้อมูล, ความปลอดภัยไซเบอร์, คลาวด์ และแพลตฟอร์มเอนจิเนียริง
ข้อมูลจากรายงานเผยว่าองค์กรถึง 94% เชื่อมั่นว่า AI จะสร้างคุณค่าเชิงปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญ และกำลังขยายบทบาทงานที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยตรง แทนที่จะลดคนออก องค์กรกลับเพิ่มตำแหน่งใหม่เพื่อรองรับการพัฒนา ดูแล และกำกับดูแลระบบ AI ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ช่องว่างทักษะ ปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ด่วน
แม้ตลาดงานจะขยายตัว แต่รายงานชี้ชัดว่า “ช่องว่างทักษะ” คืออุปสรรคหลักที่ทำให้องค์กรไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้เต็มศักยภาพ องค์กรถึง 68% ระบุว่าขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และ Machine Learning ขณะที่ 44% มองว่าการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงคืออุปสรรคสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้งาน
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้งาน AI คือองค์กรที่ลงทุนในการ “อัปสกิล” (Upskill) และ “ครอสสกิล” (Cross-skill) พนักงานอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งส่งเสริมให้บุคลากรเรียนรู้ผ่านโครงการโอเพ่นซอร์สเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงมือปฏิบัติจริง
บทบาทงานใหม่ที่กำลังเติบโต
รายงานระบุตำแหน่งงานที่มีความต้องการสูงในยุค AI ดังนี้
ศวกร AI/ML และ MLOps/AI Operations เป็นตำแหน่งที่องค์กรต่างแย่งตัวกันมากที่สุด เนื่องจากรับผิดชอบวงจรชีวิตของโมเดล AI ตั้งแต่การพัฒนา ทดสอบ ติดตั้งใช้งาน ไปจนถึงการติดตามและกำกับดูแล
วิศวกรข้อมูลและสถาปนิกข้อมูล มีหน้าที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ จัดการคุณภาพข้อมูล และดูแลความเป็นส่วนตัวให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย
วิศวกรแพลตฟอร์ม มีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ทีมพัฒนาและทีมข้อมูลทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ปลอดภัย และขยายตัวได้ตามความต้องการ
ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI Threat/Defense, Cloud Security และ Data Governance ถูกจัดเป็นตำแหน่งวิกฤติที่หายาก
นอกจากนี้ยังมีบทบาทด้านผลิตภัณฑ์และโครงการที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น AI Product Manager และ AI Transformation Lead ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการในการนำ AI ไปสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้
คำแนะนำสำหรับมืออาชีพไอที
รายงานแนะนำให้ผู้ทำงานสายไอทีเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโดยมุ่งเน้น 3 แกนทักษะหลัก ได้แก่ พื้นฐาน AI/ML เชิงปฏิบัติ วิศวกรรมข้อมูลและ MLOps และความปลอดภัยพร้อมการกำกับดูแลข้อมูลและโมเดล
การมีส่วนร่วมในโครงการโอเพ่นซอร์สถือเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้เทคโนโลยีที่องค์กรใช้งานจริง สร้างผลงานที่จับต้องได้ และสร้างเครือข่ายในวงการ นอกจากนี้ การปรับพอร์ตโฟลิโอให้เน้นแสดง “ผลลัพธ์ทางธุรกิจ” ที่เกิดจากการใช้ AI มากกว่าการแสดงเครื่องมือหรือโมเดลเพียงอย่างเดียว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานและเลื่อนตำแหน่ง