Check Point เปิดตัว Infinity AI Copilot พร้อมระบบความปลอดภัยไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
เมื่อเร็วๆ นี้ Check Point ได้เปิดตัว Infinity AI Copilot ซึ่งเป็นโซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยี Generative AI ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ของบริษัท ที่จะเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับทีมรักษาความปลอดภัยที่ทรงพลังขององค์กรโดยเฉพาะ
โซลูชันนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถรักษาความปลอดภัยได้ในรูปแบบอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยี AI
นอกจากนี้ยังเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ ThreatCloudAI ของบริษัท เช็คพอยท์ พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI มากกว่า 50 รายการ โดยเป็นการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติและการทำงานร่วมกันอย่างอัจฉริยะเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและการบริหารจัดการความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ช่วยให้องค์กรลดเวลาที่ต้องใช้ไปกับงานด้านการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการสร้างนโยบาย การนำไปใช้ และการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบ นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนานโยบายความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุดและการควบคุมการป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ได้โดยอัตโนมัติ
โซลูชันนี้สามารถป้องกันการโจมตีที่ไม่รู้จักได้ถึง 99.8% ทำให้เป็นแพลตฟอร์มการจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ AI Copilot ยังสามารถฝึกอบรมผู้ใช้ให้สามารถป้องกันเทคนิคล่าสุดของแฮ็กเกอร์ รวมถึงฟิชชิ่งและแรนซัมแวร์ ตลอดจนสามารถจัดการความเสี่ยงและตอบสนองต่อเหตุการณ์โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในการค้นหาภัยคุกคาม การวิเคราะห์ และการแก้ไข
สถานการณ์ภัยคุกคามในประเทศไทย
นอกจากนี้ Check Point ยังเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจอีกว่า องค์กรในประเทศไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์มากถึง 1,892 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา (กรกฎาคม – ธันวาคม 2566) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงอย่างน่าตกใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ระดับ 1,040 ครั้ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้มาจาก Threat Intelligence Report ล่าสุดของบริษัท เช็ค พอยท์
ในรายงานได้พบว่า มัลแวร์แบบคริปโตไมเนอร์ (Cryptominer) และ บอตเน็ต (Botnet) เป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) การหลอกลวงรูปแบบต่างๆ และการปล้นทรัพยากร (Resource Hijacking)
โดยการโจมตีเกิดขึ้นสูงสุดกับหน่วยงานภาครัฐ/ทหาร อุตสาหกรรมการผลิต และการเงิน/การธนาคาร ซึ่งมีการโจมตีมากถึง 5,789 ครั้งในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกำลังมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความถี่ของการโจมตีและลักษณะที่เปราะบางของอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยการโจมตีเหล่านี้อาจมุ่งเน้นไปที่การขโมยข้อมูลสำคัญ การรบกวนการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ (CII) การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของ IoT รวมถึงการหลอกดูดเงินเป็นจำนวนมหาศาล และอื่นๆ อีกมากมาย
“องค์กรต่างๆ ในประเทศไทย กำลังเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างมากในขณะนี้ โดยการโจมตีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความซับซ้อนเพิ่มมากขี้น อีกทั้งปริมาณการโจมตีกำลังทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี” คุณชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการสาขาประจำประเทศไทย บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ กล่าวและกล่าวต่ออีกว่า “องค์กรต่างๆ จะต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อป้องกันการโจมตีที่กำลังจะเกิดขี้น องค์กรต่างๆ จะต้องมีแพลตฟอร์มแบบบูรณาการที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างครอบคลุมเพื่อยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย”
ทั้งนี้ ภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะกับประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปทั่วโลกอีกด้วย จากรายงานการโจมตีทางไซเบอร์ล่าสุดของบริษัท เช็คพอยท์ พบว่า 1 ใน 10 องค์กรทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการโจมตีของแรนซัมแวร์ในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้น 33% จากปี 2565 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด และเช่นเดียวกับรูปแบบการบริโภคดิจิทัล การโจมตีทางไซเบอร์ก็ได้พัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยองค์กรต่างๆ ต่างก็พยายามหาทางต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงในสนามรบดิจิทัลดังกล่าว นอกจากนี้ การโจมตีที่เกิดขึ้นได้มีการขยายตัวโดยอาศัยช่องโหว่ Zero-day, ความไม่แน่นอนของภูมิศาสตร์การเมืองในปัจจุบัน และการนำเทคโนโลยี AI มาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับการโจมดีทางไซเบอร์อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่องค์กรต่างๆ จะสามารถรับมือกับกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ผู้โจมตีทางไซเบอร์กำลังเดินหน้าพัฒนาและนำออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง
เพื่อต่อสู้และรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว บรรดาองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มที่สามารถป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ล่าสุดที่ได้รับการปรับปรุงให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ทันสมัยดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ ได้เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับปี 2567 ในรูปของแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แท้จริงซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และคลาวด์ เพื่อป้องกันระบบศูนย์ข้อมูล ระบบเครื่อข่าย ระบบคลาวด์ อุปกรณ์ปลายทาง อุปกรณ์เคลื่อนที่ และ IoT ได้อย่างครอบคลุม แนวทางการพัฒนาของบริษัท เช็ค พอยท์ อยู่ภายใต้ “หลักการ 3C เพื่อการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด” อันได้แก่ ความครอบคลุมรอบด้าน (Comprehensive coverage) สถาปัตยกรรมแบบรวมศูนย์ (Consolidated architecture) และการใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ที่แท้จริง เพื่อนำเสนอโซลูชันการป้องกันภัยคุกคามที่ดีที่สุดเพื่อหยุดการโจมตีที่เกิดจากการผสมผสานหลายเทคนิคเข้าด้วยกัน (Multi-vector Attack) ได้อย่างเห็นผล