เอชพีผู้นำด้านการทำงานแบบไฮบริดด้วย Future-Ready Portfolio
จากงาน Amplify™ Partner Conference, เอชพี อิงค์ (NYSE: HPQ) ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์และระบบโซลูชันแบบใหม่เพื่อก้าวไปสู่ยุคต่อไปของการทำงานในรูปแบบไฮบริดสำหรับทุกคน ด้วยชุดระบบโซลูชันที่ครอบคลุมซึ่งสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานแบบไฮบริด
จากข้อมูลมีพนักงานเพียง (22%) ที่กล่าวว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ ได้จากการทำงานรูปแบบไฮบริด[ii] จึงเห็นได้ชัดว่าบริษัทต่างๆ ยังคงหาแนวทางในการทำงานรูปแบบไฮบริด “บริษัทส่วนใหญ่ต้องการก้าวผ่าน ‘การบังคับทำงาน’ ไปสู่ยุคที่มีการทำงานรูปแบบไฮบริด” Alex Cho ประธานกลุ่มธุรกิจ Personal Systems ของ เอชพี อิงค์กล่าวว่า “ปัญหาคือพวกเขาไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร เราเชื่อว่าอนาคตความยืดหยุ่นในรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดสามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดในการทำงานที่บ้านและที่ทำงานให้กับพนักงานจากทั่วทุกแห่ง”
จากการศึกษาเรื่อง Future of Work ของเอชพี พนักงานจำนวน (80%) ต้องการทำงานในออฟฟิศเป็นบางครั้ง[iii] แต่หลายบริษัทยังคงประสบปัญหาในการให้พนักงานกลับเข้าทำงานในออฟฟิศ จากการวิจัยของเอชพีชี้ให้เห็นว่าอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศคือการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เอื้ออำนวยความสะดวกต่อการทำงานอันที่จริงแล้ว (89%) กล่าวว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการผลักดันให้ตัดสินใจกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ1 ในทำนองเดียวกัน ในบรรดาผู้ที่รายงานว่าประสบความสำเร็จจากการทำงานรูปแบบไฮบริดนั้น พบว่ามี (90%) เชื่อว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสมจะทำให้ได้รับประสบการณ์การทำงานที่ดี[iv] เพื่อส่งเสริมให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ การมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดตั้งสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดซึ่งจะช่วยให้บริษัทและพนักงานประสบความสำเร็จได้มากดียิ่งขึ้น
“การทำงานแบบไฮบริดต่างจากการทำงานทางไกล การทำงานแบบไฮบริดที่แท้จริงคือการสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการเชื่อมต่อถึงกัน และสร้างสรรค์ผลงานทำให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ซึ่งเทคโนโลยีคือปัจจัยที่สำคัญที่สุด” Guayente Sanmartin หัวหน้าฝ่าย Commercial Systems and Displays Solutions เอชพี อิงค์ กล่าวว่า “เอชพีเป็นบริษัทเดียวที่สามารถทำให้เกิดการทำงานแบบไฮบริดได้อย่างแท้จริงในทุกที่ ทั้งบ้าน ออฟฟิศ และในพื้นที่อื่น ๆ อีกทั้งเรากำลังพัฒนานวัตกรรมเพื่อช่วยให้ทีมสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ตลอดเวลา เพื่อสร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย”
ยกระดับประสบการณ์การทำงานร่วมกันในยุคการทำงานแบบไฮบริดด้วยฟีเจอร์ HP Presence
ตั้งแต่ปี 2564 ฟีเจอร์ HP Presence[v] ได้ยกระดับประสบการณ์การประชุมทางวิดีโอเพื่อการทำงานร่วมกันที่ใกล้ชิดมากขึ้นและขับเคลื่อนประสบการณ์การใช้งานแบบไฮบริด ไม่ว่าจะทำงานที่บ้านหรือในออฟฟิศ ฟีเจอร์ HP Presence จะถูกติดตั้งในโน้ตบุ๊กสำนักงาน สำหรับองค์กร ของเอชพีทุกรุ่น[vi] ตั้งแต่ ProBook และ Dragonfly series ไปจนถึง กลุ่มผลิตภัณฑ์โมบายเวิร์กสเตชัน HP Z สิ่งนี้ทำให้บริษัทต่างๆ มีระบบโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการทำงานให้ราบรื่นและสอดคล้องร่วมกัน ในด้านวัฒนธรรมในการทำงาน นวัตกรรม และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้ประสบการณ์การทำงานทั้งในหรือนอกออฟฟิศเป็นไปอย่างราบรื่นตอบสนองการทำงานและเติมเต็มประสบการณ์ทำงานทั้งในหรือนอกออฟฟิศอย่างไร้รอยต่อ ด้วยนวัตกรรมอย่าง ฟีเจอร์ Multi-Camera Experience ที่รองรับการใช้งานด้วยการจับภาพด้วยกล้องหลายตัวขณะเคลื่อนไหว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแสดงใบหน้าในการประชุมงานที่มีการเคลื่อนไหวหลากหลายในเวลาเดียวกัน เช่น ทั้งขณะประชุมผ่านกล้องและเขียนกระดานไวท์บอร์ดไปพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกันและระบบ Auto Camera Select ระบบการติดตามใบหน้าอัจฉริยะที่ยกประสบการณ์การประชุมอย่างเหนือชั้น
การทำงานที่บ้าน ออฟฟิศ สถานที่สำหรับประชุม และระหว่างการเดินทางได้อย่างราบรื่น
อุปกรณ์ HP EliteBook และ ProBook ในรุ่นถัดไปมาพร้อมสำหรับการทำงานร่วมกันระดับพรีเมียมด้วยฟีเจอร์ HP Presence ขณะที่ผู้ใช้งานก็สามารถย้ายการทำงานจากบ้านไปออฟฟิศหรือไปยังห้องประชุมได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ก็ได้รับการออกแบบมาสำหรับเพื่อตอบโจทย์ความยืดหยุ่นในการทำงานรูปแบบไฮบริด
· HP EliteBook 800 และ 805 G10 Series: นำเสนอการทำงานด้านธุรกิจร่วมกันที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก[vii] ทำให้สามารถประชุมด้วยระบบเสมือนจริงและโต้ตอบได้ด้วยเทคโนโลยี HP Presence ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13[viii] หรือระบบปฏิบัติการ AMD Ryzen™ ในเจนเนอเรชั่นถัดไป[ix] และหน่วยความจำสูงสุด 64GB LPDDR5[x] โดยคอมพิวเตอร์ในรุ่นนี้มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับการบริหารจัดการในองค์กรขนาดใหญ่
· HP EliteBook 600 และ 605 G10 Series: ได้ติดตั้งเทคโนโลยีล่าสุดให้กับพนักงานในราคาที่คุ้มค่า การออกแบบระดับพรีเมียม ประสบการณ์การทำงานร่วมกัน การจัดการ และการรักษาความปลอดภัยจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ยินและมองเห็นไม่ว่าจะอยู่ในออฟฟิศหรือจากระยะไกล คอมพิวเตอร์รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 138 หรือ AMD Ryzen™ เจเนอเรชั่นถัดไป9 กลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่น HP EliteBook 600 Series จะมี USB Type A (USB 3.2 Gen 1) สองพอร์ต, Thunderbolt™ 4 หนึ่งพอร์ต พร้อมกับ USB4 Type-C พอร์ต ® และพอร์ตมัลติฟังก์ชัน USB Type-C® หนึ่งพอร์ต เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่น HP EliteBook 605 Series มาพร้อมกับ USB Type A (USB 3.2 Gen 1) สามพอร์ต และพอร์ต USB Type-C® แบบมัลติฟังก์ชันหนึ่งพอร์ต
· HP ProBook 400 และ 405 G10 Series: ช่วยให้เจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และพนักงาน เติบโตได้จากระบบการทำงานรูปแบบไฮบริด พร้อมได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบการลงทุนด้านไอทีด้วยเครื่องมือการทำงานร่วมกันที่มีอยู่ในตัวเครื่องเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต มีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น และแชสซี (chassis) ที่ทนทานและสามารถซ่อมบำรุงได้ สำหรับโน้ตบุ๊กมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิตด้านธุรกิจที่กำลังเติบโตด้วยระบบปฏิบัติการ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 138 หรือระบบปฏิบัติการ AMD Ryzen™ เจนเนอเรชั่นถัดไป9
การออกแบบที่มีประสิทธิภาพสูงต่อความยืดหยุ่นในการทำงานแบบไฮบริด
เอชพีได้ตอกย้ำนวัตกรรมโดยเน้นไปที่เทคโนโลยีและระบบโซลูชันที่ไม่เพียงแต่จะให้ประสิทธิภาพสูงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถจัดการกับปัญหาใหม่ ๆ ด้วยระบบการทำงานแบบไฮบริดเมื่อทำงานร่วมกันในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่มีขั้นตอนการทำงาน และการปฏิบัติงานในรูปแบบการทำงานที่ซับซ้อน ตั้งแต่ปี 2562 ได้มีบริษัท (71%) ได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องเวิร์กสเตชันให้กับพนักงาน โดยเป็นเครื่องที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขภายในเครื่อง และสามารถเข้าถึงเครื่องได้จากระยะทางไกล[xi] ผลิตภัณฑ์รุ่น Z by HP มาพร้อมกับฟีเจอร์ HP Presence ที่มีเครื่องมือการทำงานร่วมกันและระบบโซลูชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูงที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานในปัจจุบัน
ZBook G10 กลุ่มผลิตภัณฑ์โมบายเวิร์กสเตชันล่าสุด ได้แก่ ZBook Firefly, ZBook Power, ZBook Studio, ZBook Fury —มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแบตเตอรี่มีอายุที่ยาวนาน และสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
· ZBook Firefly G10 และ ZBook Power G10: เวิร์กสเตชันสองรุ่นใหม่ที่ผสานประสิทธิภาพในระดับมืออาชีพเข้ากับความคล่องตัว ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยชิ้นส่วนประกอบในระดับ pro-grade มีการปรับปรุงคุณสมบัติการทำงานร่วมกัน และการแสดงผลสีหน้าจอที่แม่นยำ และองค์ประกอบทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการทำโปรเจกต์ได้จากทุก ๆ ที่ อีกทั้งยังมีตัวเลือกต่าง ๆ ในการตั้งค่าด้วยขุมพลังจากสถาปัตยกรรม Intel® vPro® แบบใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยระบบปฏิบัติการ Intel Core™ เจนเนอเรชั่น 139 [xii] และระบบปฏิบัติการ AMD Ryzen™ PRO เจนเนอเรชั่นถัดไป สำหรับรุ่นพกพา (mobile) และ GPU NVIDIA RTX™ Ada Generation สำหรับแล็ปท็อป[xiii] หรือการ์ดจอ integrated AMD Radeon™ ด้วยประสิทธิภาพเหล่านี้สามารถช่วยลดการทำงานที่เชื่องช้าในระหว่างขั้นตอนการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มผลิตภาพการผลิตไปด้วย ZBook Firefly และ ZBook Power จะเป็นรุ่นแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ZBook ที่นำเสนอระบบปฏิบัติการ AMD Ryzen™ และ Ryzen™ PRO สำหรับใช้ในรุ่นพกพา (mobile)
· ZBook Studio G10: ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานหรือกระแสงานด้วยระบบปฏิบัติการ Intel® Core™ i98, NVIDIA RTX™ 5000 Ada Generation Laptop GPU หรือ GeForce RTX™ GPU13, และ 64 GB RAM[xiv] ตั้งแต่การออกแบบ 3 มิติไปจนถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์และการประมวลผลด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ได้ติดตั้งระบบ ZBook Studio ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพในระดับมืออาชีพ มีความทันสมัยซึ่งออกแบบมาสำหรับการสร้างโมเดลที่มีความซับซ้อน สามารถเรนเดอร์หรือสร้างภาพกราฟฟิกตามเวลาจริงหรือสามารถสรุปและแสดงข้อมูลออกมาให้อยู่ในรูปของแผนภาพได้
· ZBook Fury G10: สามารถจัดการกับขั้นตอนการปฏิบัติงานหรือกระแสงานที่ซับซ้อนได้จากทุกที่ด้วยระบบปฏิบัติการ desktop class Intel Core HX8 นอกจากนี้ใน ZBook Fury รุ่นใหม่นี้ ยังได้ใส่ NVIDIA RTX™ 5000 Ada Generation Laptop GPU13 เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำการเรนเดอร์โมเดล 3 มิติ ใช้งานระบบจำลอง วิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ หรือใช้งานโปรแกรมการเรียนรู้แบบจำลอง (Training machine learning models) ไปพร้อมๆกัน
นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์รุ่น Z by HP Performance Desktops ที่ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นเครื่องเวิร์กสเตชันในรูปแบบ Single-Socket ที่ทรงพลังที่สุดในโลกที่มาพร้อมกับ GPU 4 ตัว[xv] สามารถช่วยประมวลผลขั้นตอนปฏิบัติงานที่ซับซ้อนและข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์ Z by HP รุ่นเดสก์ท็อปเวิร์กสเตชันที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ ประกอบไปด้วยระบบปฏิบัติการ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่นใหม่8 และ GPU NVIDIA RTX™ รุ่นล่าสุด เดสก์ท็อปเวิร์กสเตชันเหล่านี้มีไว้สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการขุมพลังและประสิทธิภาพในการประมวลผลกระแสข้อมูลจำนวนมาก แต่ยังคงมีความคล่องตัวเมื่อมีการเข้าถึงเครื่องจากระยะไกล Z2 Mini G9, Z2 SFF G9, Z2 Tower G9 และ Z1 Tower G9 ได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับนักออกแบบ วิศวกร และนักเรียนที่ต้องทำงานในหลาย ๆ แอปพลิเคชันพร้อมกัน นอกจากนี้ในรุ่น Z2 Mini G9, Z2 SFF G9 และ Z2 Tower G9 ยังรองรับฟีเจอร์ HP Anyware Remote System Controller[xvi] อีกด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงการจัดการจากระยะไกลที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก[xvii] อุปกรณ์นี้สร้างขึ้นสำหรับเทคโนโลยี Out-of-Band Management ทำให้แผนกไอทีสามารถตรวจสอบและจัดการเวิร์กสเตชันทุกเครื่องได้จากทุกที่ และผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อปเริ่มต้นของ Z by HP ยังคงนำเสนอประสิทธิภาพและความสามารถในวงกว้างเพื่อช่วยให้ผู้ใช้อยู่ในโซนสร้างสรรค์ได้ตลอดเวลา
เปิดประสบการณ์การมองเห็นและได้ยินอย่างมีประสิทธิภาพในทุกพื้นที่ทำงาน
การทำงานแบบไฮบริดไม่ใช่แค่การทำงานจากระยะไกล แต่ยังเกี่ยวกับการมอบประสบการณ์ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นทั้งสำหรับผู้ที่อยู่ในห้องและสำหรับผู้ที่เข้าร่วมจากนอกห้อง ขณะนี้เอชพีและ Poly กำลังส่งมอบชุดอุปกรณ์การประชุมผ่านวิดีโอเชิงธุรกิจที่ครอบคลุมที่สุดในโลกสำหรับการทำงานแบบไฮบริด[xviii]
การอัปเดตซอฟต์แวร์ Poly ล่าสุด Poly Video OS 4.0 ให้ประสบการณ์ที่ไร้ที่ติ อาทิ โหมด multi-camera ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสามารถเก็บเสียงจากลำโพงหลายตัวไว้ในเฟรมเพื่อประสบการณ์การทำงานร่วมกันทางไกลที่น่าสนใจมากขึ้น Poly Video OS 4.0 พร้อมใช้งานแล้วในแถบวิดีโอ Poly Studio X Series และระบบการประชุมผ่านวิดีโอแบบโมดูลาร์ Poly G7500 Poly Studio X70 เป็นแถบวิดีโอตัวแรกและตัวเดียวสำหรับห้องขนาดใหญ่ที่ได้มีการรับรองสำหรับ Microsoft Teams พร้อมกับ Poly G7500 นอกจากนี้ แถบวิดีโอที่ใช้แอนดรอยด์ ของ Poly Studio X มีให้ใช้งานและได้รับการรับรองสำหรับการใช้ Google Meet
ไม่ว่าคุณจะโทรสายส่วนตัว ประชุม หรือฟังรายการเพลงโปรดของคุณ ชุดหูฟังเอียร์บัดไร้สาย Poly Voyager Free 60 Series ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้จะมอบประสบการณ์ระดับมือโปรที่เหนือชั้น ทางเอชพีขอแนะนำรุ่นระดับเริ่มต้น Poly Voyager Free 60 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพาและมาพร้อมกับเคสชาร์จมาตรฐาน โดยซีรีส์นี้ประกอบด้วยสามเวอร์ชัน ได้แก่ Poly Voyager Free 60, Poly Voyager Free 60 UC และ Poly Voyager 60+ UC เวอร์ชัน Poly Voyager Free 60 UC และ 60+ UC ได้มีการรับรองสำหรับ Microsoft Teams และ Zoom ทุกรุ่นเหมาะกับแอปพลิเคชันการประชุมชั้นนำ
HP 920/925 Ergonomic Vertical Mouse ผู้ใช้เมาส์เกือบ (70%) ประสบปัญหาปวดบริเวณข้อมือ[xix] ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะช่วยให้มือของคุณอยู่ในตำแหน่งตั้งตรงตามธรรมชาติซึ่งจะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น HP 920/925 เป็นเมาส์ไร้สายที่อเนกประสงค์มากที่สุดในโลก มีที่พักข้อมือแบบถอดได้เพื่อให้ใช้งานได้ทุกที่ อีกทั้งผู้ใช้จะไม่รู้สึกผิดกับสิ่งแวดล้อมด้วยวัสดุรีไซเคิลและบรรจุภัณฑ์ที่ปราศจากพลาสติก[xx] เมื่อคุณต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บนท้องถนนอย่างสะดวกและราบรื่นเสมือนใช้งานอยู่ที่บ้าน ลองเปิดใจให้กับ HP 4K USB-C Multiport Hub ด้วยการออกแบบที่กะทัดรัดเป็นพิเศษ ฮับหลายพอร์ตที่มีพอร์ต USB-C®[xxi] อเนกประสงค์ถึง 4 พอร์ต พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการหลายระบบ – พอร์ต 65W สำหรับจ่ายไฟให้กับแล็ปท็อป สองพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อและชาร์จอุปกรณ์เสริม และอีกพอร์ตหนึ่งสำหรับชาร์จหรือเชื่อมต่อกับจอแสดงผล 4K พร้อมฟังก์ชั่นครบครัน
และ DECT™[xxii] ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการสื่อสารเคลื่อนที่ที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับการธุรกิจค้าปลีกและช่องทางตลาดแนวใหม่[xxiii] โทรศัพท์ IP DECT™ แบบไร้สาย Poly Rove 20 จะมอบอิสระในการเคลื่อนย้ายและความยืดหยุ่นในการปรับขนาดตามการเติบโตของบริษัท Poly Rove 20 สร้างขึ้นสำหรับพนักงานในสถานที่ปฏิบัติงาน เป็นเครื่องโทรศัพท์ DECT เซลล์เดียวแบบเริ่มต้น พร้อมการสื่อสารที่เสถียร ปลอดภัย และสัญญาณที่ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง มาพร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 35 ชั่วโมง และสามารถจับคู่กับฐาน Poly B1 ได้อย่างง่ายดายเพื่อรองรับการโทรพร้อมกันและการขยายช่วงเสียง โทรศัพท์มือถือ Rove 20 เข้ากันได้กับโทรศัพท์ IP ของ Rove ทุกรุ่น โดยใช้มาตรฐานล่าสุดในการรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย DECT™ เพื่อให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างอิสระ
การขยายขอบเขตสำหรับการจัดการควบคุมพีซีในระยะไกล
การทำงานแบบไฮบริดนั้นทำให้การจัดการพีซีในระยะไกลมีความซับซ้อนมากขึ้นและยังมีความจำเป็นเพิ่มยิ่งขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายนี้เอชพีจึงได้ทำการเปิดตัว HP Wolf Connect ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อการจัดการด้านไอทีที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ[xxiv]กับพีซีในระยะไกล ทำให้ฝ่ายไอทีขององค์กรสามารถจัดการอุปกรณ์ได้แม้ในขณะที่ปิดเครื่องหรืออยู่ในโหมดออฟไลน์ โดยการใช้เครือข่ายเซลลูล่าร์ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพของ HP Wolf Connect [xxv] ช่วยให้ทีมไอทีสามารถจัดการพนักงานแบบไฮบริดที่กระจัดกระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถลดเวลาและความพยายามเกินจำเป็นในการแก้ไขคำร้อง (support tickets) พร้อมทั้งสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจากการสูญหายหรือการโจรกรรมเพื่อลดการถูกละเมิดของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินทรัพย์
HP Wolf Connect พร้อมด้วย HP Wolf’s Protect and Trace นั้นเป็นบริการซอฟต์แวร์ตัวแรกของโลกที่สามารถระบุตำแหน่ง ล็อก และลบข้อมูลพีซีได้จากระยะไกล แม้ว่าจะปิดหรือไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็ตาม[xxvi] ความสามารถนี้ช่วยปกป้องข้อมูลที่มีความสำคัญในการเคลื่อนย้าย ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีโดยลดความจำเป็นในการแก้ไขหรือเปลี่ยนพีซี
Home Delivery เพิ่มความคล่องตัวในการตั้งค่า Hybrid Worker
ขณะนี้ทีมไอทีดูแลจัดการพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดทั้งที่บ้านและในออฟฟิศ การมอบอุปกรณ์ที่เหมาะสมให้แก่พนักงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและความซับซ้อน รวมถึงกระบวนการทำงานที่ไม่สะดวก
ในฐานะที่เอชพีเป็นส่วนหนึ่งของ HP Logistics Services[xxvii] HP Home Delivery[xxviii] เป็นโซลูชันการขนส่งของอย่างปลอดภัย[xxix] ที่สามารถจัดส่งพีซีเพื่องานธุรกิจ จอแสดงผล และอุปกรณ์ต่อพ่วงของเอชพี[xxx] ไปยังที่พักอาศัยของพนักงานที่อยู่ทั่วโลกได้โดยตรง[xxxi] เพื่อให้พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดสามารถรับอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกและใช้งานได้ทันทีที่แกะกล่อง การอัปเดต HP Home Delivery ช่วยให้การสั่งซื้อ การติดตาม และหลักฐานการจัดส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ราคาและการวางจำหน่าย[xxxii]
· The HP Elite x360 830 G10 วางจำหน่ายแล้วที่ hp.com ในราคา 39,990 บาท
· The HP EliteBook 830 G10, HP EliteBook 840 G10, และ HP EliteBook 860 G10 วางจำหน่ายแล้วที่ hp.com ในราคาเริ่มต้นที่ 36,990 บาท
· The HP EliteBook 835 G10, HP EliteBook 845 G10, และ HP EliteBook 865 G10 คาดว่าวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม ในราคาเริ่มต้น 36,990 บาท
· The HP EliteBook 630 G10, HP EliteBook 640 G10, และ HP EliteBook 650 G10 วางจำหน่ายแล้วที่ hp.com ในราคาเริ่มต้นที่ 34,990 บาท
· The HP Pro x360 435 G10 วางจำหน่ายแล้วที่ hp.com ในราคา 32,990 บาท
· The HP ProBook 440 G10 และ HP ProBook 450 G10 วางจำหน่ายแล้วที่ hp.com ในราคาเริ่มต้นที่ 32,990 บาท
· The HP ProBook 445 G10 และ HP ProBook 455 G10 วางจำหน่ายแล้วที่ hp.com ในราคาเริ่มต้นที่ 32,990 บาท
· The HP 920/925 Ergonomic Vertical Mouse คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงเดือนเมษายน ในราคา 3,990 บาท
· The HP 4K USB-C Multiport Hub คาดว่าจะวางจำหน่ายช่วงเดือนพฤษภาคม ในราคา 2,990 บาท