November 24, 2024

เทรนด์ยอดนิยมที่ขับเคลื่อนการใช้คลาวด์ในปัจจุบัน

ทุกองค์กรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างตระหนักดีถึงความสำคัญของการใช้คลาวด์ และยอมรับว่าการย้าย โซลูชันภายในองค์กรไปยังคลาวด์จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินงานต่าง ๆ มากมาย ต่างไปจากยุคแรก ๆ ของการใช้คลาวด์คอมพิวติ้งมาก ช่วงนั้นอาจเป็นเพราะธุรกิจยังไม่คุ้นเคยกับคลาวด์ ทั้งยังกังวลเรื่องความปลอดภัย การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการสูญเสียโซลูชันในองค์กรที่ปรับแต่งไว้มากมาย 

ปัจจุบันบริษัทให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มคลาวด์ และแสดงให้เห็นถึงการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ความสามารถที่แข็งแกร่ง และความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งล้วนช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรธุรกิจต่าง ๆ เปลี่ยนมาใช้งานคลาวด์มากกว่าที่เคยเป็นมา

เปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ

ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจโดยใช้ระบบคลาวด์เป็นรากฐานที่สำคัญของการปรับปรุงธุรกิจให้ทันสมัย  สำหรับองค์กรธุรกิจที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ลองมาพิจารณาเทรนด์สำคัญบางประการที่จะแสดงให้เห็นว่า การย้ายไปยังระบบคลาวด์ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคตอีกด้วย

  1. ความจำเป็นในการขจัดข้อมูลแยกส่วน และให้ทุกฝ่ายตัดสินใจโดยใช้มาตรฐานเดียวกัน

ข้อมูลของโซลูชันภายในองค์กรมักถูกจัดเก็บเป็นแบบแยกส่วน และให้ข้อมูลเชิงลึกเพียงเล็กน้อย
แก่ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่สำคัญ ทำให้ผู้บริหาร พนักงาน และคู่ค้าไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้โดยตรง  ในทางกลับกัน โซลูชันคลาวด์จะจัดเก็บข้อมูลรวมศูนย์ไว้ในคลาวด์ สร้างระบบบันทึก
หนึ่งเดียวสำหรับการใช้งานขององค์กร โดยมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเข้าถึงได้จากทุกที่ทั่วโลก
ระบบคลาวด์ช่วยให้มีการนำข้อมูลที่ถูกต้องไปใช้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำในเวลาและบริบทที่เหมาะสม  ส่งผลให้องค์กรตัดสินใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
และลดความเสี่ยงในการดำเนินงานอีกด้วย

2. ความสามารถที่ออกแบบมาเฉพาะให้กับแต่ละอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ต้องมี ไม่ใช่ “มีก็ดี”
อีกต่อไป

ธุรกิจต้องการให้โซลูชันทางธุรกิจของตนมีความสามารถที่ออกแบบมาเฉพาะเหมาะกับประเภทของอุตสาหกรรมนั้นๆ เพื่อให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า  ผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำจะกำหนดค่าคุณสมบัติเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมไว้ล่วงหน้าในโซลูชันของตน เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจต่าง ๆ จะมีฟังก์ชันเฉพาะที่ตนต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องมีการปรับแก้ไขที่ซับซ้อนใด ๆ ทำให้การดำเนินธุรกิจขององค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และให้รากฐานที่มั่นคงสำหรับความสำเร็จในระยะยาว

3.พนักงานในปัจจุบันล้วนต้องการได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ทันสมัย  

เมื่อคนดิจิทัลยุคใหม่เข้าสู่โลกแห่งการทำงาน พวกเขาต้องการเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย และรองรับ
การใช้งานตามแบบที่ชอบ  ซึ่งโดยปกติแล้วจะหมายถึงซอฟต์แวร์ที่มีลักษณะและให้ความรู้สึกเหมือนกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือ และโซเชียลแพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้ในชีวิตประจำวัน และที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลและการทำงานร่วมกันได้ในทันที  ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เทคโนโลยีคลาวด์จะช่วยให้ทุกฝ่ายทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกค้า พันธมิตร และ
ซัพพลายเออร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศทางธุรกิจทั้งหมด

4. การปรับใช้ไฮบริดคลาวด์จะเป็นศูนย์กลางการทำงานเพราะการผสานรวมดีขึ้น 

 ธุรกิจต่าง ๆ กำลังมองหาโซลูชันที่ให้โอกาสในการเลือกพร้อมประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อที่จะสามารถใส่ใจไปกับสิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างแท้จริง  การเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ทำให้ธุรกิจมีทางเลือกในการใช้งานที่หลากหลาย  ในความเป็นจริงองค์กรในปัจจุบันจำนวนมากก็มีองค์ประกอบระบบคลาวด์ที่เชื่อมโยงกับชุดโซลูชันหลักภายในองค์กรอยู่แล้ว  ปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปจะเปลี่ยนจากแนวทางการใช้งานแบบไฮบริด ไปเป็นการใช้งานคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ  โดยที่เทคโนโลยีสำหรับการผสานรวมยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความสะดวกในการใช้งาน เวลาในการติดตั้งเพื่อใช้งาน และต้นทุนรวม (TCO)

5. ไว้วางใจพันธมิตรระบบคลาวด์เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตแทรกซึมอยู่ในแทบทุกอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้อง
ทำให้มั่นใจว่า ระบบและแพลตฟอร์มขององค์กรได้รับการปกป้องทางการเงิน  การละเมิดข้อมูลหรือการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยถึง 3.92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเกิดช่องโหว่มากมายที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี  พันธมิตรระบบคลาวด์ชั้นนำของอุตสาหกรรมมีทรัพยากรสำหรับรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์พร้อมใช้งาน มากกว่าที่องค์กรส่วนใหญ่คาดหวังว่า
จะสามารถหามาใช้ได้เอง  ดังนั้น องค์กรจึงสามารถส่งมอบหน้าที่การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และค่าใช้จ่ายที่มีนัยสำคัญเหล่านี้ให้กับพันธมิตรระบบคลาวด์ที่มีความรับผิดชอบได้อย่างวางใจ ด้วยการย้ายระบบและแพลตฟอร์มธุรกิจของตนไปยังระบบคลาวด์

6. ผลักดันให้เกิดรายได้หลังการขาย ทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจแบบ subscription-based

ในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่าง ๆ กำลังมองหาวิธีสร้างความแตกต่าง ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า เพิ่มความสามารถในการทำกำไร ด้วยการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้หลังการขาย  โซลูชันบนคลาวด์สามารถให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่เข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา ทำให้ธุรกิจสามารถเปลี่ยนข้อเสนอด้านผลิตภัณฑ์แบบดั้งเดิมไปเป็นรูปแบบของการให้บริการแทน อย่างเช่น โมเดลธุรกิจแบบ subscription-based เป็นต้น  ฟีเจอร์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางเช่นนี้สามารถกลายเป็นตัวสร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าให้กับบริการ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ป้องกันไม่ให้สินค้าและบริการเกิดความซ้ำซ้อน รวมถึงเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ  การใช้โมเดลธุรกิจแบบ subscription-based จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ด้านรายได้ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามปกติตามระยะเวลาที่ลูกค้าสมัครใช้งาน  ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยให้องค์กรเพิ่มการมุ่งเน้นที่ประสบการณ์ของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผลกำไรของธุรกิจด้วย

ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน

ธุรกิจจำเป็นต้องเปิดรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเพื่อให้ทันกับยุคสมัย เพื่อทำให้ธุรกิจคล่องตัวมากขึ้น และสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมและตลาดที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เช่น การขจัดการแยกส่วนของข้อมูลจะช่วยให้องค์กรทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น มีข้อมูลที่ถูกต้องและอัปเดตตลอดเวลาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ  ฟังก์ชันที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของตนได้  รวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้
ที่ทันสมัยและการใช้งานง่ายจะยิ่งช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โซลูชันธุรกิจที่ใช้งานบนระบบคลาวด์เป็นกุญแจสำคัญสำหรับองค์กรในการปรับวิธีดำเนินธุรกิจให้ทันสมัย  ทว่าการโยกย้ายงานไปยังระบบคลาวด์ก็เป็นสิ่งที่สามารถปรับตามความเหมาะสมได้  การใช้งานแบบไฮบริดช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นำมาปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจได้
ในขณะเดียวกันก็ยังอาศัยระบบเดิมที่มีอยู่ได้เพื่อใช้ฟังก์ชันการทำงานสำคัญที่อาจยังไม่พร้อมย้ายไปยังระบบคลาวด์  ไม่ว่าระบบธุรกิจขององค์กรจะอยู่ในคลาวด์ทั้งหมดหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด 
แต่ความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของระบบคลาวด์นั้นก็นับว่าแข็งแกร่ง และสามารถพัฒนาได้เร็วกว่าการใช้งานที่อยู่ในระบบขององค์กร  และวิธีดำเนินการในแนวใหม่นี้ก็จะทำให้มีโอกาสในการสร้างรายได้และโมเดลธุรกิจใหม่แบบขึ้น เช่น บริการ subscription-based เป็นต้น

คลาวด์คอมพิวติ้งได้พัฒนาไปไกลมาก  ยิ่งธุรกิจรอใช้โซลูชันบนระบบคลาวด์นานไปเท่าใด การแข่งขันที่ต้องอาศัยประโยชน์จากคลาวด์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าก็ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นเท่านั้น  (หากธุรกิจต้องการประสบความสำเร็จ) อย่ายอมที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

หลากหลายหนทางสู่ระบบคลาวด์

เมื่อองค์กรกำหนดกลยุทธ์ย้ายการดำเนินงานไปสู่ระบบคลาวด์ ขั้นตอนแรกที่สำคัญ คือ การพิจารณาลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจองค์กร  เลือกเส้นทางสู่คลาวด์ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดมูลค่าได้สูงสุด
โดยมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์หนึ่งในสามข้อนี้

ฟังก์ชันหลักของธุรกิจ 

การย้ายฟังก์ชันสำคัญทางธุรกิจไปยังระบบคลาวด์ เช่น การวางแผนจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP) หรือการบริหารจัดการด้านการเงิน สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีนัยสำคัญ เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักระยะ
ถึงจะเห็นผลตอบแทนเหล่านั้น

กระบวนการทางธุรกิจให้แคบ

หนึ่งในวิธีสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนจากการลงทุน คือ การมุ่งเน้นไปที่กระบวนการทางธุรกิจที่แคบ ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบกับเฉพาะบางทีมภายในองค์กรเท่านั้น  บ่อยครั้งที่โซลูชัน “เอดจ์” เหล่านี้มักทำให้ธุรกิจได้ประโยชน์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มทรัพยากรสำหรับโครงการขนาดใหญ่

วัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

การย้ายข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ช่วยให้ธุรกิจรวบรวมข้อมูลจากทั่วองค์กรและขจัดการเก็บข้อมูลแบบ
แยกส่วนได้  ซึ่งสิ่งนี้ช่วยทำให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญได้ตลอดเวลา เพื่อช่วยให้ทีมงานทั้งรายบุคคลและทั้งทีมทำงานได้ดีขึ้น 

บทความโดย นายฟาบิโอ ทิวิติ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินฟอร์ อาเชียน-อินเดีย