การ์มิน ดึง 2 ผู้เชี่ยวชาญจากวงการแพทย์ ตอกย้ำความเชื่อมั่น การมีข้อมูลสุขภาพในมือ ช่วยสนับสนุนการรักษาได้ทันท่วงที
ครั้งแรกของวงการ การ์มิน ประเทศไทย เดินหน้าผลักดันการใช้เทคโนโลยีด้านสุขภาพ บนสมาร์ทวอทช์เพื่อตรวจจับความผิดปกติด้านสุขภาพ ดึง 2 ผู้เชี่ยวชาญจากวงการ์แพทย์ ย้ำความเชื่อมั่น ในการมีข้อมูลติดตามสุขภาพในมือจะช่วยสนับสนุนการรักษาได้ทันท่วงที พร้อมชู 4 จุดเด่นของ การ์มิน สมาร์ทวอทช์
ได้แก่ 1) ให้ข้อมูล 5 ตัวชี้วัดที่จำเป็นได้ครบถ้วน 2) แบตเตอรี่ทรงพลัง มอนิเตอร์สุขภาพได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง 3) แม่นยำด้วยการตรวจจับความเปลี่ยนแปลงแบบวินาทีต่อวินาที 4) ฟีเจอร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายที่หลากหลายครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยออกกำลังกาย พร้อมมอนิเตอร์ความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันอย่างถูกวิธี หนึ่งความตั้งใจสำคัญที่ต่อยอดจากความสำเร็จของแคมเปญ #BeatTodayTogether พร้อมตอกย้ำแบรนด์ เมสเสจ Every Beat of Life – นวัตกรรมที่ก้าวทันทุกจังหวะของชีวิต
มร. สกาย เชน ผู้อำนวยการ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “การ์มิน ตระหนักเป็นอย่างยิ่งกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา จึงต้องการตอกย้ำคนไทยในช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้ว่า การ์มินยังอยู่เคียงข้างเพื่อสนับสนุนการมีสุขภาพที่ดีของทุกคน ครั้งนี้จึงอยากชวนให้คนไทยทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีของร่างกายร่วมกันสู้กับวิกฤติโลกไปด้วยกัน เพราะนอกจากสมาร์ทวอทช์ของการ์มินจะมีฟีเจอร์กีฬาที่หลากหลาย รองรับการออกกำลังกายที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพได้อย่างรอบด้านและถูกต้องแม่นยำ กับ 5 ตัวชี้วัดด้านสุขภาพที่สำคัญที่มีอยู่ในการ์มิน สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ ได้แก่ 1) Pulse Ox Blood Sensors – ตัววัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) 2) Heart Rate Tracking – อัตราการเต้นของหัวใจ 3) REM Sleep Monitoring – การติดตามคุณภาพการนอน 4) Respiration Tracking – อัตราการหายใจ 5) Stress Monitoring – การติดตามระดับความเครียด ซึ่งข้อมูลที่ได้จาก 5 ตัวชี้วัดทางด้านสุขภาพ จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจแน้วโน้มสุขภาพของตนเองได้อย่างถูกต้องและรู้ถึงอาการผิดปกติของร่างกายได้เบื้องต้นในทันที”
นพ. แอนดรูว์ อัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการแพทย์และรังสีวิทยา โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด เผยว่า “ผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการชัดเจนในตอนแรก แม้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ อุปกรณ์ของการ์มินที่สามารถติดตามและแจ้งระดับออกซิเจนในเลือดได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ช่วยได้มากในยามวิกฤตเช่นนี้ เพราะนอกจากระดับออกซิเจนในเลือดแล้ว การ์มินยังสามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดทั้งวัน แม้ในขณะนอน เพื่อกำหนดคุณภาพการนอนหลับและความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ และตัวชี้วัดด้านสุขภาพต่างๆ เหล่านี้ยังทำหน้าที่ได้อย่างดี การรู้เท่าทันความผิดปกติเหล่านี้ยังช่วยลดโอกาสในการแพร่ระบาดหรือการติดต่อในวงกว้างได้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส”
นพ. สิระ กอไพศาล อายุรแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “การมีข้อมูลด้านสุขภาพระยะยาวนั้นมีค่ามากสำหรับการวินิจฉัยโรค เพราะเมื่อคุณหมอทราบถึงแพทเทิร์นด้านสุขภาพที่เป็นปกติของผู้ป่วยแล้ว ก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าสุขภาพผู้ป่วยเริ่มผิดปกติไปตั้งแต่เมื่อไรและผิดปกติไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด ในขณะที่ร่างกายยังไม่แสดงอาการแต่เราสามารถรู้ได้ก่อน นั่นแปลว่าเราสามารถร่นระยะเวลาการรักษาได้มากขึ้น และเมื่อข้อมูลถึงมือแพทย์ แพทย์ยังมั่นใจและวินิจฉัยได้แม่นยำเพื่อการรักษาที่ตรงจุดและทันท่วงที เพราะการรักษาคนไข้สิ่งที่ยากที่สุด คือการวินิจฉัยโรค ถ้าเรารู้เร็วรู้ไว โอกาสเสียชีวิตของคนไข้ก็จะน้อยลง”
“นอกจากนี้ การใช้ข้อมูลด้านสุขภาพยังสามารถช่วยในการวางแผนดูแลสุขภาพเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในระยะยาวได้เช่นกัน ไม่มีใครที่สุขภาพดีแบบ 100% แม้จะอาศัยอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ช่วย แต่เมื่อมีตัวชี้วัดด้านสุขภาพบนข้อมือของเรา เราจะสามารถทราบได้ว่าสภาพร่างกายของเรานั้นกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ และสมาร์ทวอทช์ของการ์มินนั้นจะติดตามค่าต่างๆ ต่อไปนี้ ค่าออกซิเจนในเลือด อัตราการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ การติดตามคุณภาพการนอน ระดับความเครียด ซึ่งถือว่าค่อนข้างครบถ้วนสำหรับตัวชี้วัดด้านสุขภาพเบื้องต้น เพราะเมื่อเราใช้ชีวิตประจำวัน หรือออกกำลังกายต่อกันเป็นระยะเวลานาน และตัวชี้วัดด้านสุขภาพแสดงอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักช้าลง คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและระดับความเครียดลดลง เราสามารถคาดเดาได้ว่าวิถีชีวิตหรือแผนการออกกำลังกายดังกล่าวนั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม ในทางกลับกัน หากข้อมูลแสดงว่าแย่ลง ควรพิจารณาว่าการฝึกหรือการใช้ชีวิตประจำวันแบบนั้นทำร้ายสุขภาพเกินไปหรือไม่ หากเรารู้ว่าระบบใดของเราทำงานผิดปกติ เราก็สามารถวางแผนฟื้นฟูระบบนั้นผ่านวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมได้ด้วยการใช้สมาร์ทวอทช์ที่รองรับกีฬาหรือการออกกำลังกายที่หลากหลาย” นพ. สิระ กล่าวเสริม