Digital Thailand Big Bang 2018 มหกรรมนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดแห่งภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
เริ่มแล้วอย่างยิ่งใหญ่ กับงาน Digital Thailand Big Bang 2018 งานโชว์เทคโนโลยีที่ถือกันว่าใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Thailand BIG DATA: โลกเปิด เราปรับ ประเทศเปลี่ยน” ชวนคนไทยอัพเดทเทรนด์การเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล ชมนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำเต็มพื้นที่ ฟังมุมมองความคิดจากสุดยอดดิจิทัลกูรู จากทั่วโลก และร่วมลุ้นกับกิจกรรมการแข่งขันทุกรูปแบบแห่งยุคดิจิทัลอีกมากมาย ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2561 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตอกย้ำจุดยืนรัฐบาลใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพลิกโฉมประเทศ และสานต่อความตระหนัก สู่การให้ความรู้ความเข้าใจ เตรียมพร้อมคนไทยสู่ DIGITAL THAILAND โดยสมบูรณ์
ภายในงาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “BIG DATA เพื่อการพัฒนาประเทศ” ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนการทำงานอีกต่อไป หากแต่ได้หลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับชีวิตของเราอย่างแท้จริง และได้เปลี่ยนโครงสร้างรูปแบบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระบวนการผลิต การค้า การบริการ และกระบวนการทางสังคมอื่นๆ รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไปอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมให้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สัมฤทธิ์ผล สามารถตอบปัญหาความท้าทายที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่หรือเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมผ่านการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้ประชาชน ในชุมชนผ่าน E-Commerce ยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ การเรียนรู้ การเข้าถึงบริการของรัฐ ทำให้เกิดการกระจายทรัพยากรและโอกาสที่ทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรมยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียมด้วยข้อมูลข่าวสารและบริการต่างๆ ผ่านสื่อดิจิทัล ประชาชน ทุกคนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง การเตรียมความพร้อมของคนให้มีทักษะการประกอบอาชีพในยุคดิจิทัล เพิ่มกำลังคนด้านดิจิทัลให้มากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ การปฏิรูปการทำงานภาครัฐด้วยการนำดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใส และสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมด้วยการนำ BIG DATA มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรของประเทศ เป็นต้น รวมทั้งรัฐบาลเร่งปรับฐานเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัลผ่านโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ อาทิ Smart City, Coding Thailand, Digital Transformation และ Digital Park Thailand ที่จะส่งให้ไทยเป็นผู้นำด้านการค้าการลงทุน และการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค
จะเห็นได้ว่าในปีนี้ รัฐบาลได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล และเริ่มให้ความสำคัญกับการนำ Big Data มาขับเคลื่อนกระบวนการทำงานทุกมิติที่รัฐบาลใส่ใจดูแลประชาชนทุกคน และงานดิจิทัลไทยเเลนด์ บิ๊กแบง ในปี 2561 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Thailand BIG DATA” | “เข้าใจ BIG DATA เพื่ออนาคตข้างหน้าของเราทุกคน” เป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลต่อการผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเอกชน เพื่อการบริหารจัดการ การพัฒนาภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน สามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีคุณภาพ ทันสมัย และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งระบบ ทำให้ผู้ประกอบการมีความสามารถในการแข่งขัน และมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อการแข่งขันกับนานาประเทศในอนาคต
“กระทรวงดิจิทัลฯ ต้องเป็นแม่ทัพใน 3 เรื่องหลักคือ 1. สร้างคนไทยให้พร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัลด้วยแนวคิดและวิธีใหม่ – Coding Thailand Initiative – ที่ประเทศไทยร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่สร้างคนตั้งแต่วัยเด็กให้มีทักษะ/ตรรกะด้าน programming ผ่าน digital platform และยังเป็นการสร้างโอกาสการเรียนรู้ของคนยุคดิจิทัล ทุกที่ ทุกเวลา อย่างไร้พรมแดน 2. สร้างความพร้อมในการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อน Smart City ระดับ ASEAN และพันธมิตรอื่นๆ นอกเหนือจาก ASEAN ต่อยอดจากแนวนโยบายและการดำเนินงานด้านการบูรณาการข้อมูลของภาครัฐ ให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเมือง และข้อมูลเปิดภาครัฐพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้ครบ 30 เมือง ในปี 2565 และ 3. ขับเคลื่อนการพัฒนาไอโอที ไม่เพียงแค่จัดตั้งสถาบันไอโอที เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลแห่งอนาคต และความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่ EEC โดยรวม แต่ต้องเร่งสร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจและความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนนานาชาติให้มาลงทุนด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลที่สถาบัน IoT ซึ่งเป็นสถาบันแรกที่จะจัดตั้งขึ้นภายใต้โครงการพัฒนา Digital Park Thailand ในพื้นที่ EEC” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ในปี 2561 ทางกระทรวงฯ โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ดำเนินการจัดงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ขึ้น 2 ส่วน คือ 1) ในส่วนภูมิภาค การจัดงาน Digital Thailand Big Bang Regional 4 ภูมิภาค ภายใต้แนวคิด Digital Transformation Thailand: โลกเปิด เราปรับ ประเทศเปลี่ยน จัดใน 4 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ ระยอง และสงขลา โดยทั้ง 4 เมืองนี้เป็นเมืองที่ได้รับการคัดเลือกว่าที่มีศักยภาพและเป็นเมืองนำร่องของ Smart City ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนที่สำคัญ ซึ่งงานในส่วนภูมิภาคประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย มีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 61,000 คน ประกอบด้วยกลุ่มผู้ประกอบการ นักพัฒนาดิจิทัลซอฟต์แวร์ โปรแกรมเมอร์ นักเรียน นักศึกษา ครูและผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป และ 2) ในส่วนกลาง การจัดงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับงานนี้มาก โดยเน้นให้มีความยิ่งใหญ่อลังการกว่าปีที่แล้ว โดยการเพิ่มพื้นที่การจัดงานให้ใหญ่ขึ้นเป็น 60,000 ตารางเมตร เต็มพื้นที่ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เพื่อสามารถรองรับการแสดงเทคโนโลยีชั้นนำ และเพิ่มวันจัดงาน เป็น 5 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาเรียนรู้และสนุกกับดิจิทัล มาเรียนรู้โลกแห่งดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน
ดร.พิเชฐ กล่าวย้ำถึงความยิ่งใหญ่ของงานในครั้งนี้ว่า Digital Thailand Big Bang 2018 เป็นมหกรรมดิจิทัลระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในประเทศ กว่า 500 หน่วยงาน และความร่วมมือระดับนานาชาติจาก 12 ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย โปแลนด์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม เนปาล อินเดียและอิสราเอล มาเพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล การก้าวให้ทันเทคโนโลยีและนำมาปรับใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และในงานนี้จะพบมิติการเปลี่ยนแปลงของประเทศใน 8 ด้านหลัก ได้แก่ 1) ด้านนวัตกรรม Cloud computing ที่เชื่อมโยงโลกทั้งใบอย่างไร้ขีดจำกัด 2) ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับภูมิภาคที่เชื่อมโยงไปทั่วโลกผ่านดิจิทัลเทคโนโลยี อาทิ ระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้น้ำ และดวงดาวอัจฉริยะหรือดาวเทียม เป็นต้น 3) ด้านการเปลี่ยนแปลงข้อมูลขนาดใหญ่ ที่นำไปใช้ประโยชน์และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ 4) ด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต ทั้งเทคโนโลยีใหม่ เทคโนโลยีก่อกำเนิด และนวัตกรรมดิจิทัลจากเหล่า digital innovators กว่า 800 ราย 5) ด้านบล็อคเชน ที่ไม่ใช่ดิจิทัลเฉพาะโลกการเงินแต่คือดิจิทัลสำหรับทุกคน 6) ด้านการศึกษาระบบใหม่ ให้คนไทยก้าวเท่าทันการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ทักษะ coding เบื้องต้นจนถึงระดับ advance อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง 7) ด้านเมืองอัจฉริยะ ที่จะก้าวล้ำสู่อีกขั้น กับการเตรียมพร้อมรองรับเป็นเจ้าภาพระดับอาเซียน ปี 2019 และ 8) ด้านกิจกรรมการแข่งขันระดับเยาวชน ที่มีเด็กๆ ตบเท้าเข้าร่วมกว่า 5,000 คน เพื่อแสดงความสามารถทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ในการแข่งขันหุ่นยนต์ การแข่งขันบินโดรน การแข่งขัน Coding sport เป็นต้น
ดร. พิเชฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า “การจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม และยังเป็นเวทีที่ประเทศไทยจะได้ประกาศศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียนด้วย” พร้อมเชิญชวนทุกคน มาร่วมชมงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ที่เปิดเข้าชมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ 19-23 กันยายน ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี (เปิดให้เข้าชม วันที่ 19 ก.ย. เริ่มเวลา 12.00-19.00 น., วันที่ 20-21 ก.ย. เวลา 09.00-19.00 น. และ วันที่ 22-23 ก.ย. เวลา 10.00-19.00 น.)
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมและความเคลื่อนไหวการจัดงาน “Digital Thailand Big Bang 2018” ได้ที่ www.digitalthailandbigbang.com และ facebook.com/digitalthailandbigbang/