November 24, 2024

 “ออมเดีย” เผยผู้ผลิตแผงทีวีจากจีนกำลังมาแรง โดยทีซีแอลและไฮเซ่นส์กวาดซื้อแผงทีวีแอลซีดี ด้วยส่วนแบ่งตลาด 24% ในไตรมาสแรกของปีนี้

ออมเดีย (Omdia) เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุดในหัวข้อ “TV Display & OEM Intelligence Service” ซึ่งพบว่า การแข่งขันจากกลุ่มผู้ผลิตทีวีชั้นนำของจีนกำลังดุเดือดยิ่งขึ้น โดยทีซีแอล (TCL) และไฮเซ่นส์ (Hisense) ขึ้นแท่นบริษัทที่ซื้อแผงมากเป็นอันดับสองและสาม ด้วยส่วนแบ่งตลาด 24% ในไตรมาส 1 ของปี 2566 ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดกำลังให้ความสนใจผู้ผลิตแผงจากจีน จากที่เมื่อปี 2565 นั้น ทีซีแอลและไฮเซ่นส์มีส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 22% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรอบ 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีส่วนแบ่งในการซื้ออยู่ที่ 19%

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซัมซุง (Samsung) มีอำนาจในการซื้อมากที่สุด โดยครองส่วนแบ่งตลาดไปได้ 13% ในปี 2565 แม้จะแผ่วลงมากเมื่อเทียบกับที่ซัมซุงซื้อแผงทีวีแอลซีดีไป 18% ในปี 2564

ในไตรมาสแรกของปีนี้ ผู้ผลิตทีวีชั้นนำของจีนมีการจัดส่งทีวีเพิ่มขึ้น โดยมีบทบาทแข็งแกร่งขึ้นในตลาดทีวีทั่วโลกในธุรกิจทีวีแบบมีแบรนด์และทีวีแบบรับจ้างผลิต

เดโบราห์ หยาง (Deborah Yang) หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำฝ่ายวิจัยจอแสดงผลของออมเดีย กล่าวว่า “รายงานของเราแสดงให้เห็นว่า ปริมาณการซื้อแผงที่เพิ่มขึ้นของทีซีแอลและไฮเซ่นส์เริ่มตีตื้นซัมซุงซึ่งอยู่ที่ 14% ขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่กำลังซื้อแผงทีวีแอลซีดี อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ผลิตแผงทีวีแอลซีดีของเกาหลีมีการแข่งขันลดน้อยลง แต่แนวโน้มความต้องการของตลาดทีวีทั่วโลกอันมืดมนนั้นยังคงกีดกันผู้ผลิตแผงทีวีของจีน ปริมาณการซื้อแผงที่แข็งแกร่งจากผู้ผลิตทีวีของจีนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ผลิตแผงของจีน ในการใช้กำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพของซัพพลายเชนให้ได้สูงสุด”

ในปี 2565 76% ของแผงทีวีแอลซีดีที่ทางทีซีแอลและไฮเซ่นส์ซื้อมานั้น มาจากผู้ผลิตแผงในจีน เช่น บีโออี (BOE) ไชนาสตาร์ (ChinaStar) เอชเคซี ดิสเพลย์ (HKC Display) ซีเอชโอที (CHOT) และซีอีซี-แพนดา (CEC-Panda) เพิ่มขึ้นจาก 73% ในปีที่แล้ว หรือ 58% ในปี 2562

การที่ซัมซุง ดิสเพลย์ (Samsung Display) และแอลจี ดิสเพลย์ (LG Display) ถอนตัวจากธุรกิจแผงทีวีแอลซีดีในปี 2566 ทำให้ผู้ผลิตทีวีของเกาหลีใต้ ซึ่งปกติแล้วเป็นผู้ซื้อแผงที่มีอำนาจมากที่สุดในตลาด เผชิญกับความยากลำบากเมื่อต้องเจรจากับซัพพลายเออร์แผงภายนอก

คุณหยาง กล่าวว่า “สัดส่วนการซื้อแผงทีวีแอลซีดีน่าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่ความเคลื่อนไหวทางการแข่งขันของผู้ผลิตทีวีทั่วโลกก็เปลี่ยนไปตามกัน ขณะเดียวกันทั่วโลกก็เจอกับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับแบรนด์ทีวีระดับพรีเมียมทั่วโลก”