เอเซอร์ประกาศเดินหน้าภารกิจ Earthion ก้าวสำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ใน Acer Green Day
ด้วยปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จำนวนที่เพิ่มขึ้นของภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วโลกที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง จึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างสร้างสรรค์และร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เอเซอร์ขอเชิญชวนคู่ค้าและซัพพลายเออร์มาร่วมกันช่วยลดผลกระทบที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมกันลดการใช้ทรัพยากรที่มีค่า เพื่อปรับตัวสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเป็นแนวทางในการออกแบบกระบวนการ ผลิตภัณฑ์ บริการ และรูปแบบการทำธุรกิจที่สามารถผลักดันให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนได้
การร่วมมือกันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยขยายผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างมาก รายงานของมูลนิธิ Thomson Reuters[2] ระบุว่า ความพย2ายามในประเด็นเรื่องสภาพอากาศและธรรมชาติในปี 2022 จะต้องถูกผลักดันขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อลดมลภาวะคาร์บอนที่สะสมมาเป็นเวลานานนับ 10 ปี ควบคุมอุณหภูมิโลกให้สูงขึ้นถึงแค่ระดับ 1.5 องศาเซลเซียส และลดผลกระทบที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เอเซอร์ได้ตระหนักถึงความเร่งด่วนในเรื่องนี้ และอยากเชิญชวนให้ภาคธุรกิจต่างๆ ร่วมกันช่วยผลักดันในการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม แบ่งปันความก้าวหน้าของความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ร่วมกับคู่ค้า ซัพพลายเออร์ และพนักงานของเอเซอร์ ใน Acer Green Day โดยมุ่งหวังว่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกของเรา
เอเซอร์เริ่มผสมผสานแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนในการดำเนินงานมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2008 บริษัทได้เปิดตัว CDP Supply Chain สำหรับการรายงานการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนเพื่อระบุความเสี่ยงและระบุแนวทางการจัดการด้านซัพพลายเชน และขยายความครอบคลุมไปถึงซัพพลายเออร์สามระดับในปีนี้ โดยในปี 2013 เอเซอร์เริ่มใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิลสำหรับพีซีโน้ตบุ๊ก และในปี 2017 ได้เปิดโปรเจ็ค Humanity กับพนักงานเอเซอร์ทั่วโลกเพื่อร่วมกันริเริ่มสร้างกรอบการทำงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลูกฝังปรัชญาสีเขียวภายในวัฒนธรรมของบริษัท โดยมีพนักงานมากกว่า 70% ทั่วโลกเข้าร่วม[3]
ด้วยความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการด้านทรัพยากร (ESG) เอเซอร์ได้เปิดตัวโครงการ Earthion ในปี 2021 และเริ่มทำงานใกล้ชิดกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์เพื่อนำความคิดริเริ่มในการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้าสู่อีโคซิสเต็มส์ด้านซัพพลายเชน (Supply Chain) ตั้งแต่การติดต่อซัพพลายเออร์เรื่องวัตถุดิบ ชิ้นส่วนประกอบสินค้า เข้าสู่กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ จนถึงการจัดเก็บ โดยมุ่งเน้นในเรื่องพลังงาน การออกแบบผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ การผลิต การขนส่ง และการรีไซเคิล ตั้งแต่กระบวนการการออกแบบจนถึงการผลิต เอเซอร์ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการเหล่านี้ แรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังของ Earthion คือความเชื่อร่วมกันว่าการทำงานร่วมกันจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามดังกล่าว ในปี 2021 เอเซอร์ได้เปิดตัว กลุ่มผลิตภัณฑ์ Vero ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ Vero ตั้งใจที่จะรวมเอาวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิล ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อยืดอายุการใช้งาน ลดการใช้วัสดุที่จะก่อให้เกิดขยะ
ระบบการผลิตและโลจิสติกส์ที่มีความรับผิดชอบ
เพื่อต่อสู้กับผลกระทบของกระบวนการผลิตที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เอเซอร์ได้เข้าร่วมมือกับบริษัท Compal และ Quanta ในการปรับปรุงระบบการจัดการของเสีย ตั้งแต่การลดการใช้ถุงพลาสติกในสายการผลิต ไปจนถึงการนำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนเข้ากับระบบการผลิตของซัพพลายเออร์ เอเซอร์ได้ทำงานร่วมกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์เพื่อสร้างกระบวนการผลิตและการขนส่งที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น
การลดจำนวนการใช้เทปกาวที่ใช้ในกระบวนการบรรจุพาเลทเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ทำขึ้นเพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในระบบโลจิสติกส์ หลังจากการประเมินและทดสอบอย่างถี่ถ้วนเพื่อตรวจสอบระดับความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ เอเซอร์ก็สามารถลดจำนวนการใช้เทปกาวที่ไม่จำเป็นออกจากขั้นตอนการขนส่งสินค้าประเภทจอมอนิเตอร์ได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดปริมาณการใช้เทปกาวได้ประมาณ 5,500 กม. ในปี 2023 เทียบเท่าระยะทางจากลอนดอนถึงนิวยอร์กโดยประมาณ
การพัฒนาระบบ Carbon Accounting หรือการทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร เริ่มตั้งแต่การกำหนดกรอบของข้อมูล การเก็บข้อมูล การคำนวณค่าก๊าซเรือนกระจก และการรายงานข้อมูลสำหรับกิจกรรมการขนส่งของเอเซอร์ เป็นอีกก้าวสำคัญที่นำไปสู่นโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์มีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกเกือบ 10%[4] ระบบนี้เป็นแนวทางแบบครบวงจรในการวัดและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งและเอเซอร์ตั้งเป้าที่จะดำเนินการในทั่วโลก
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Vero ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
เอเซอร์เปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่ม Vero โดยเริ่มจากแล็ปท็อป Aspire Vero แล็ปท็อปเครื่องแรกที่สร้างขึ้นด้วยการใช้พลาสติกรีไซเคิล (PCR) 30% ที่ตัวเครื่อง และพลาสติก PCR 50% บนแป้นพิมพ์เพื่อลดมลภาวะจากการผลิตพลาสติกใหม่ ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับการออกแบบเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการซ่อมแซมหรืออัปเกรดเพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพและคุณภาพของการประมวลผล
วันนี้เอเซอร์ขอนำเสนอ Acer Chromebook Vero 514 ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากกลุ่ม Vero ที่ขยายมายังกลุ่มคอมเมอร์เชียล รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งแล็ปท็อป จอมอนิเตอร์ โปรเจ็กเตอร์ เดสก์ท็อป อุปกรณ์เสริม และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อผลักดันการใช้วัสดุรีไซเคิล
บรรจุภัณฑ์ของ Aspire Vero ได้รับการออกแบบใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบตามระบบการออกบบที่ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ ขนาดอุปกรณ์ และส่วนประกอบบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย ได้รับรางวัล Red Dot Brands & Communication Design ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ กล่องด้านนอกทำจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล 80-85% และลดการใช้พลาสติกโดยใช้ปลอกกระดาษทดแทนในการป้องกันอะแดปเตอร์ นอกจากนี้ ถุงใส่แล็ปท็อปและแผ่นกันรอยแป้นพิมพ์ยังทำจาก PET รีไซเคิล 100% (Polyethylene terephthalate (PET) และบรรจุภัณฑ์ในส่วนต่างๆ ก็สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% และชิ้นส่วนกล่องด้านในยังนำมาใช้ซ้ำได้เพียงไม่กี่ขั้นตอนก็สามรถปรับเปลี่ยนมาเป็นขาตั้งโน้ตบุ๊กได้
การสร้างความสมดุลระหว่างความยั่งยืน การใช้วัสดุรีไซเคิล และความทนทานของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ท้าทายมาโดยตลอด เอเซอร์ได้ทำงานร่วมกับนักออกแบบและพันธมิตร Golden Arrow, Shin Shin, Sun Young, Quanta และ Wistron เพื่อค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยไม่สูญเสียด้านความแข็งแรงและความทนทาน ในขณะที่เอเซอร์กำลังเข้าใกล้เป้าหมายในการนำพลาสติก PCR สูงสุด 30% มาใช้กับผลิตภัณฑ์หลักกลุ่มต่างๆให้ได้ภายในปี 2025 บริษัทยังจะคงค้นหาวัสดุใหม่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต
โซลูชั่นสมาร์ทซิตี้ช่วยประหยัดทรัพยากร
เพื่อสอดคล้องกับภารกิจในการพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เอเซอร์ได้ทำงานเกี่ยวกับโซลูชั่นสมาร์ทซิตี้ที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและสร้างวิถีชีวิตที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น ในหลายเมืองเอเซอร์ใช้ระบบจอดรถริมถนนอัจฉริยะและโซลูชันการชาร์จ EV ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่หาพื้นที่จอดรถช่วยลดเวลาบนถนนและใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดการจราจรและลดการปล่อยคาร์บอน เอเซอร์ยังได้พัฒนาสมาร์ทโซลูชันเพื่อช่วยประหยัดน้ำ ตรวจสอบคุณภาพอากาศ และเพื่อช่วยปรับสภาพแวดล้อมของเราให้ดีขึ้น
เป้าหมาย: แหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2035
เอเซอร์กรุ๊ป ได้เข้าร่วมโครงการ RE100 ในปี 2021 และให้คำมั่นว่าจะจัดหาพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2035 นอกเหนือจากการเปิดตัวแพลตฟอร์ม “Earthion” โดยการนำระบบการเปิดเผยข้อมูลทั่วโลกของ CDP มาใช้แล้ว องค์กรเอเซอร์ได้เริ่มใช้พลังงานสีเขียวมาตั้งแต่ต้นปี 2013 สำนักงานบางแห่งมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง ณ สิ้นปี 2020 และสำนักงานของเอเซอร์ในกว่า 30 ประเทศทั่วโลกใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในขณะที่พลังงาน 45% ที่กลุ่มเอเซอร์ใช้นั้นสามารถใช้หมุนเวียนได้
เอเซอร์เชื่อว่าความยั่งยืนเป็นความพยายามระดับโลกที่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายเพื่อให้เห็นความแตกต่างอย่างแท้จริง เอเซอร์ไม่เพียงแต่ตั้งเป้าที่จะให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ยังต้องการส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมการเดินทางในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ
ใน Acer Green Day เอเซอร์ได้จัดกิจกรรม “21-Day Challenge” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ Earthion ส่งเสริมให้พนักงานได้ร่วมปฏิบัติภารกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมทุกวันและทำให้ติดเป็นนิสัย รวมถึงขยายไปถึงพนักงานของคู่ค้าและซัพพลายเออร์ ตลอดจนผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมภารกิจผ่าน Instagram ที่ #Acer21DayChallenge พร้อมติดตามเรื่องราวจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ เกี่ยวกับการ Reduce/ Reuse / Recycle และกิจกรรมในไลฟสไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของพวกเขา