November 3, 2025

Microsoft เตือนภัย! ผู้ใช้ Windows 10 ทั่วโลกเตรียมรับฝันร้าย เสี่ยงตกเป็นเป้าแรนซัมแวร์หลังหยุดซัพพอร์ต

ไมโครซอฟท์ได้ออกมาประกาศย้ำเตือนอย่างเป็นทางการว่า ระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุนด้านความปลอดภัยนั้นเปรียบเสมือนการเปิดประตูต้อนรับอาชญากรไซเบอร์ ซึ่งคำเตือนนี้พุ่งเป้าโดยตรงไปยังผู้ใช้งาน Windows 10 ทุกคนทั่วโลก เนื่องจากไมโครซอฟท์ได้สิ้นสุดการให้การสนับสนุน (End of Support) อย่างเป็นทางการไปตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2025

ข้อมูลจากรายงาน Digital Defense Report ของไมโครซอฟท์เองชี้ให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวว่า กว่า 90% ของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับการซัพพอร์ตแล้ว ตัวเลขนี้เพียงอย่างเดียวก็เป็นสัญญาณเตือนที่ดังพอจะทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ทุกคนต้องหันมาทบทวนความปลอดภัยของตนเองอย่างจริงจัง

ความเสี่ยงของการ “ไม่ยอมอัปเกรด” คืออะไร?

เมื่อระบบปฏิบัติการสิ้นสุดการสนับสนุน หมายความว่าจะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย (Security Patch) ใดๆ อีกต่อไป ช่องโหว่ใหม่ๆ ที่แฮกเกอร์ค้นพบจะถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครแก้ไข ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณกลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายดายสำหรับการโจมตี

แม้ว่าวันนี้คอมพิวเตอร์ของคุณอาจยังใช้งานได้ปกติ แต่คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันอาจถูกเจาะระบบไปแล้ว ความเสี่ยงที่ตามมานั้นร้ายแรงกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็น:

  • แรนซัมแวร์: ไฟล์ข้อมูลสำคัญ รูปภาพ หรือไฟล์งานของคุณจะถูกเข้ารหัสจนเปิดไม่ได้ และคนร้ายจะเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับการถอดรหัส
  • มัลแวร์ขโมยข้อมูล: ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลบัตรเครดิต หรือรหัสผ่านเข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์อาจถูกขโมยไปอย่างง่ายดาย
  • การโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว: แฮกเกอร์อาจนำข้อมูลของคุณไปใช้สวมรอยทำธุรกรรมหรือสร้างความเสียหายทางการเงิน

หลายคนอาจมีความคิดผัดวันประกันพรุ่งว่า “ขอใช้อีกปีเดียวก่อน” แต่ไมโครซอฟท์เตือนว่าความคิดเช่นนี้คือความเสี่ยงอย่างมหันต์ เพราะทุกวันที่คุณยังใช้ระบบปฏิบัติการที่ตกรุ่น คือการเพิ่มโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลของคุณได้มากขึ้น

แนวทางป้องกันตัวเอง ก่อนจะสายเกินไป

ข่าวดีก็คือ คุณยังสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ และใช้เวลาไม่นาน แต่สามารถสร้างความแตกต่างด้านความปลอดภัยได้อย่างมหาศาล

  1. อัปเกรดสู่ Windows 11: นี่คือทางออกที่ดีที่สุด ตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ของคุณรองรับการทำงานของ Windows 11 หรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปประมวลผล AMD และ Intel รุ่นใหม่ๆ มักจะรองรับอยู่แล้ว การอัปเกรดจะทำให้คุณได้รับการป้องกันอย่างต่อเนื่อง
  2. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่แข็งแกร่ง: ซอฟต์แวร์ Antivirus ที่ดีจะช่วยตรวจจับและบล็อกไฟล์อันตรายก่อนที่มันจะสร้างความเสียหายให้กับระบบของคุณ
  3. สร้าง “เกราะป้องกัน” ให้กับบัญชีออนไลน์:
    • ใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก: ตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละบัญชี อาจพิจารณาใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน (Password Manager) เพื่อความสะดวกและปลอดภัย
    • เปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA): เพิ่มการยืนยันตัวตนอีกชั้นสำหรับบัญชีที่สำคัญ เช่น อีเมล หรือแอปธนาคาร เพื่อป้องกันแม้ว่ารหัสผ่านจะรั่วไหล
  4. ระวังอีเมลหลอกลวง (Phishing): แฮกเกอร์มักส่งอีเมลปลอมที่อ้างว่ามาจากการแจ้งเตือนของ Microsoft เพื่อหลอกให้คุณคลิกลิงก์อันตราย ควรตรวจสอบแหล่งที่มาของลิงก์ให้แน่ใจเสมอ และดาวน์โหลดอัปเดตจากเว็บไซต์ทางการของ Microsoft เท่านั้น
  5. สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: ให้คิดว่าการสำรองข้อมูล (Backup) คือตาข่ายนิรภัยของคุณ ควรบันทึกไฟล์สำคัญเก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกหรือบริการคลาวด์ที่เชื่อถือได้ หากวันหนึ่งคุณถูกแรนซัมแวร์โจมตี คุณจะยังสามารถกู้คืนข้อมูลทั้งหมดกลับมาได้โดยไม่ต้องยอมจ่ายค่าไถ่แม้แต่บาทเดียว

การยึดติดอยู่กับ Windows 10 หลังสิ้นสุดการสนับสนุน ก็ไม่ต่างอะไรกับการฝากชีวิตดิจิทัลทั้งหมดไว้กับ “โชค” แทนที่จะเป็น “การป้องกัน” การอัปเกรดไม่ใช่แค่เรื่องของการตามเทคโนโลยีให้ทัน แต่คือการรักษาข้อมูลและชีวิตส่วนตัวของคุณให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามที่พัฒนาตัวเองอยู่ทุกวัน

ที่มา