OpenAI ทุ่ม 1.3 ล้านล้านบาทเซ็นดีล 7 ปีกับ AWS ลดการพึ่งพา Microsoft
OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ด้วยการประกาศเซ็นสัญญาครั้งประวัติศาสตร์มูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท) กับ Amazon Web Services (AWS) เป็นระยะเวลา 7 ปี เพื่อเช่าใช้บริการคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการประมวลผล AI นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักมาอย่างยาวนาน
ข้อตกลงครั้งใหญ่นี้มีเป้าหมายหลักเพื่อเข้าถึงขุมพลังการประมวลผลมหาศาล โดยเฉพาะหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) จาก Nvidia “หลายแสนตัว” ที่ติดตั้งอยู่ในศูนย์ข้อมูลของ AWS ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกฝนและรันโมเดล AI ที่ซับซ้อนในยุคถัดไป โดย OpenAI จะเริ่มใช้งานโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ได้ทันที และคาดว่าจะใช้ศักยภาพทั้งหมดได้ภายในสิ้นปี 202
จุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ สู่ยุค Multi-Cloud
ดีลนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนที่สุดของ OpenAI ที่กำลังก้าวออกจากร่มเงาของ Microsoft อย่างเป็นรูปธรรม แต่เดิมนั้น Microsoft เคยเป็นผู้ให้บริการคลาวด์แต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Cloud Partner) ของ OpenAI จนกระทั่งข้อตกลงได้เปลี่ยนเป็น “สิทธิ์ในการปฏิเสธก่อน” (Right of First Refusal) ซึ่งเพิ่งหมดอายุไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การจับมือกับ AWS ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า OpenAI กำลังเดินหน้าสู่กลยุทธ์แบบ “Multi-Cloud” อย่างเต็มตัว เพื่อสร้างความมั่นคงและไม่ผูกติดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งมากเกินไป ซึ่งก่อนหน้านี้ OpenAI ก็ได้ทำข้อตกลงกับ Google Cloud และ Oracle มาแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่า OpenAI จะทอดทิ้ง Microsoft เพราะยังมีข้อผูกพันมูลค่ามหาศาลถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ในการใช้บริการ Azure ของ Microsoft อยู่ แต่ดีลกับ AWS ที่มีมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์นี้ ก็มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์อย่างยิ่งในการส่งสัญญาณถึงความเป็นอิสระที่เพิ่มขึ้น
เบื้องหลังดีลและการเติบโตของวงการ AI
การทุ่มเงินมหาศาลครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI ปรับโครงสร้างองค์กรจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรมาเป็นองค์กรที่แสวงหาผลกำไรได้ ทำให้มีความคล่องตัวทางการเงินและสามารถทำข้อตกลงขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตได้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่คือการปูทางไปสู่การเสนอขายหุ้น IPO ในอนาคต
Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า “เพื่อขยายขีดความสามารถของ AI ที่ล้ำสมัย เราต้องการทรัพยากรการประมวลผลที่มหาศาลและเชื่อถือได้” และความร่วมมือกับ AWS จะช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศที่จำเป็นสำหรับ AI ในยุคต่อไป

