ไมโครซอฟท์มีหนาว! ศาลอาญาระหว่างประเทศสั่งโละ Office หันซบอกโอเพนซอร์สยุโรป หนีภัยการเมืองสหรัฐฯ
ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการประกาศเตรียมยุติการใช้ชุดโปรแกรม Microsoft Office และเปลี่ยนไปใช้ “openDesk ” ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สทางเลือกจากของฝั่งยุโรป การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับการพึ่งพาเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา และความหวาดระแวงว่าอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการเมือง
ชนวนเหตุจากความขัดแย้งทางการเมือง
การตัดสินใจครั้งนี้มีชนวนเหตุสำคัญมาจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่าง ICC และรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ICC หลายราย รวมถึงหัวหน้าอัยการ คาริม ข่าน (Karim Khan) หลังจากที่ศาลพยายามออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลในข้อหาอาชญากรรมสงคราม
สถานการณ์บานปลายขึ้นเมื่อมีรายงานว่า คาริม ข่าน ถูกตัดการเข้าถึงบัญชีอีเมลของ Microsoft ซึ่งแม้ทางบริษัทจะออกมาปฏิเสธในภายหลังว่าไม่ได้ระงับบริการใดๆ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้จุดประกายความกลัวเรื่อง “kill switch
” หรือการที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อาจถูกบีบให้ตัดบริการดิจิทัลแก่หน่วยงานใดๆ ก็ตาม ตามคำสั่งของรัฐบาล
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เราจำเป็นต้องลดการพึ่งพาและเสริมสร้างเอกราชทางเทคโนโลยีของศาล แม้ว่าในระยะสั้นมันจะมีราคาแพง ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สะดวกก็ตาม” ออสวัลโด ซาวาลา กิเลอร์ (Osvaldo Zavala Giler) ผู้จัดการฝ่ายไอทีของ ICC กล่าว

openDesk คือคำตอบของยุโรป
ทางเลือกใหม่ของ ICC คือ openDesk ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมสำนักงานและการทำงานร่วมกันแบบโอเพนซอร์ส พัฒนาโดย ZenDiS (Centre for Digital Sovereignty in Public Administration) ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลเยอรมนีเป็นเจ้าของทั้งหมด ถูกก่อตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีอธิปไตยเป็นของตนเองสำหรับหน่วยงานภาครัฐ
openDesk ประกอบด้วยเครื่องมือที่จำเป็นครบครัน ตั้งแต่การประมวลผลคำ, อีเมล, แชท ไปจนถึงการประชุมทางวิดีโอ
สัญลักษณ์แห่ง “อธิปไตยดิจิทัล”
แม้ว่าการโยกย้ายระบบของ ICC ซึ่งมีเวิร์กสเตชันประมาณ 1,800 เครื่อง จะดูเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่กลับมีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์อย่างมหาศาล เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นทั่วยุโรป ที่หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งเริ่มแสวงหา “อธิปไตยทางดิจิทัล” (digital sovereignty) เพื่อความมั่นคงของตนเอง
ก่อนหน้านี้ กองทัพเยอรมนีก็ได้เซ็นสัญญาระยะยาว 7 ปีเพื่อใช้งาน openDesk ขณะที่รัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์ (Schleswig-Holstein) ของเยอรมนี ก็ประสบความสำเร็จในการย้ายระบบคอมพิวเตอร์กว่า 40,000 เครื่องออกจาก Microsoft ไปสู่ Linux และ LibreOffice เช่นกัน
การตัดสินใจของ ICC ในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ภูมิทัศน์ของวงการเทคโนโลยีในภาครัฐกำลังเปลี่ยนแปลงไป และความน่าเชื่อถือกับความเป็นอิสระ อาจกำลังกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่าความสะดวกสบายในระยะยาว

