November 26, 2025

Anthropic ปล่อยของแรง! เปิดตัว “Claude Opus 4.5” ท้าชนทุกค่าย

Anthropic กลับมาเขย่าวงการ AI อีกครั้งในช่วงปลายปี 2025 ด้วยการเปิดตัวโมเดลเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด “Claude Opus 4.5” ที่ทางค่ายกล้าเคลมเต็มปากว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา (Smartest AI Model Yet) โดยไม่ได้มาแค่ความฉลาด แต่ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์นักพัฒนาและองค์กรแบบจัดเต็ม ทั้งความสามารถในการเขียนโค้ดที่เหนือชั้นกว่าเดิม และระบบการคิดวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ฉลาดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น ด้วยระบบ Hybrid Reasoning

จุดเด่นที่สุดของ Claude Opus 4.5 คือความสามารถในการ “ให้เหตุผล” (Reasoning) ที่ถูกยกระดับไปอีกขั้น ด้วยระบบที่เรียกว่า Hybrid Reasoning ซึ่งเปิดโอกาสให้ AI สามารถเลือกโหมดการทำงานได้ ระหว่างการตอบสนองทันที (Instant responses) หรือการใช้เวลาคิดวิเคราะห์อย่างละเอียด (Extended thinking) สำหรับโจทย์ที่ซับซ้อน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมฟีเจอร์ “Thinking Block Preservation” ที่ช่วยให้ AI “จำกระบวนการคิด” ของตัวเองได้ตลอดการสนทนา แม้จะเป็นการคุยที่ยาวนานหรือซับซ้อนต่อเนื่องกันหลายขั้นตอน ทำให้การทำงานไม่สะดุดและมีความต่อเนื่องเหมือนคุยกับคนจริงๆ มากขึ้น

เขียนโค้ดเทพ

สำหรับสาย Developer รุ่นนี้ถือว่า “ของต้องมี” เพราะผลการทดสอบ Benchmark ออกมาดุเดือดมาก:

  • SWE-bench Verified: กวาดคะแนนไปถึง 80.9% ซึ่งถือว่าเป็นสถิติใหม่ (State-of-the-art) แซงหน้าทั้ง Gemini 3 Pro (76.2%) และ GPT-5.1 (76.3%) ไปอย่างสวยงาม
  • Terminal-Bench: สำหรับงาน Command-line ก็ทำได้ยอดเยี่ยมที่ 59.3% ชนะคู่แข่งในตลาดได้ขาดลอย

ความสามารถนี้ทำให้ Opus 4.5 ไม่ใช่แค่แชทบอตธรรมดา แต่เป็นเหมือน “วิศวกรซอฟต์แวร์ผู้ช่วย” ที่สามารถแก้บักจริงและจัดการงานระบบที่ซับซ้อนได้ดีกว่าเดิมมาก

ควบคุมความ “ทุ่มเท”

ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือ Effort Parameter ที่เปิดให้ผู้ใช้งาน (ผ่าน API) สามารถกำหนดระดับความทุ่มเทของ AI ได้ 3 ระดับ คือ สูง (High), กลาง (Medium), และ ต่ำ (Low) เพื่อบริหารจัดการสมดุลระหว่าง “ความฉลาด” กับ “ความเร็วและต้นทุน” ได้ตามความเหมาะสมของงาน

พร้อมใช้งานจริงใน GitHub Copilot และ Amazon Bedrock

ข่าวดีคือนักพัฒนาไม่ต้องรอนาน เพราะ Claude Opus 4.5 เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วในรูปแบบ Public Preview บน GitHub Copilot และพร้อมให้บริการบนแพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง Amazon Bedrock ทันที ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถดึงพลังของโมเดลนี้ไปใช้ใน Workflow ของตัวเองได้เลย

ที่มา