ตำรวจไซเบอร์–กสทช. ทลายฐานปล่อยสัญญาณเถื่อน ดัดแปลงจาก Mini PC กว่า 130 ตัว

กองบังคับการสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (บก.สอท.2) มีการแถลงข่าวใหญ่โดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พร้อมด้วยผู้บัญชาการระดับสูงของ บช.สอท. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. เปิดเผยผลการปฏิบัติการร่วมระหว่างตำรวจไซเบอร์และ กสทช. ซึ่งสามารถเข้าตรวจค้นห้องพักในชั้น 23 ของอาคารคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ เขตประเวศ กรุงเทพฯ และยึดอุปกรณ์ Mini PC ดัดแปลงกว่า 137 ชิ้น พร้อมฐานรองซิมการ์ดและอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายหลายรายการ
การสืบสวนเริ่มต้นจาก กก.4 บก.สอท.4 ที่สืบสวนพบพฤติการณ์มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการต้องสงสัยภายในคอนโดแห่งหนึ่ง โดยมีภาพถ่ายภายในห้องแสดงให้เห็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เรียงกันอยู่บนชั้นหลายชุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินว่าเป็นเครื่อง Mini PC ที่อาจถูกนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขอหมายค้นจากศาลอาญาพระโขนงได้สำเร็จ เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพบผู้จัดการอาคารพร้อมผู้ดูแลห้องเช่า ซึ่งเป็นตัวกลางให้เช่าห้องแก่ผู้เช่า เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้นและเข้าตรวจสอบพื้นที่
ผลการตรวจค้นพบอุปกรณ์ Mini PC, ฐานรองซิมการ์ด, เสาอากาศ, สายไฟ และสาย LAN รวมทั้งหมด 137 ชิ้น ซึ่งเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อนหรือ Router ใส่ซิมที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. เจ้าหน้าที่ตั้งสมมติฐานว่าอุปกรณ์เหล่านี้อาจถูกใช้ในการปล่อยสัญญาณปลอม ดักจับข้อมูลออนไลน์ เช่น SMS หรือ OTP รวมถึงสร้างโครงข่าย Server หรือ Router ปลอมเพื่อลดโอกาสถูกติดตามตัวตน โดยอุปกรณ์ทั้งหมดยังมีลักษณะรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำนวนมากพร้อมกัน ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบระบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากการตรวจสอบผู้ดูแลห้องเช่า พบว่าผู้เช่าห้องคือ Mr. Zhang Haining สัญชาติจีน ซึ่งทำสัญญาเช่าผ่านบริษัทตัวกลางในไทย เขาถูกตั้งข้อหาตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และแก้ไขเพิ่มเติม ในมาตรา 6, มาตรา 11 ประกอบมาตรา 23 ฐาน “มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด 137 ชิ้น ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี และเร่งขยายผลติดตามตัวผู้ต้องสงสัยรวมถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป การจับกุมครั้งนี้สะท้อนถึงวิวัฒนาการของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ใช้ฮาร์ดแวร์ดัดแปลง เช่น Mini PC พร้อมซิมการ์ดและเสาอากาศ สร้างโครงข่ายปล่อยสัญญาณปลอมหรือดักจับข้อมูลส่วนตัว อีกทั้งยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการตรวจสอบอุปกรณ์เครือข่ายและ IoT ก่อนนำมาใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพและลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์