UN และองค์กรต่างๆ หันมาใช้ AI เขียนแถลงการณ์มากขึ้น
ล่าสุดมีรายงานเปิดเผยว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations – UN) ก้เป็นองค์กรหนึ่งที่เริ่มพึ่งพา AI ในการร่างและเขียนแถลงข่าวอย่างเป็นทางการมากขึ้นเรื่อย ๆ นับเป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนว่า การสื่อสารระดับโลกอาจไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์เพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Patterns ของสำนัก Cell Press ได้ทำการวิเคราะห์แถลงการณ์ ข่าวประชาสัมพันธ์ และเอกสารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วโลก พบว่า กว่า 17% ของเนื้อหาทั้งหมดมีลักษณะการเขียนที่ใกล้เคียงกับผลงานที่สร้างโดย AI โดยเฉพาะในกรณีขององค์การสหประชาชาติ ผลการตรวจสอบแถลงการณ์ที่เผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษระบุว่า ในช่วงต้นปี 2023 มีเพียงประมาณ 3% ของข้อความที่เข้าข่ายเขียนโดย AI แต่ในช่วงปลายปี 2024 ตัวเลขดังกล่าวพุ่งขึ้นเกิน 13% ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่ถึงสองปี
แนวโน้มนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการแพร่หลายของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models – LLMs) เช่น GPT ซึ่งถูกนำมาใช้ในงานด้านเอกสารราชการ การสื่อสารภายในองค์กร และสื่อสารมวลชนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในภาครัฐเท่านั้น ภาคเอกชนก็เริ่มใช้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในกระบวนการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์และประกาศต่าง ๆ งานวิจัยเดียวกันพบว่า เอกสารร้องเรียนของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ระหว่างปี 2022–2024 กว่าร้อยละ 18 ถูกเขียนด้วยความช่วยเหลือจาก AI ขณะที่ข่าวประชาสัมพันธ์ของบริษัทเอกชน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ มีสัดส่วนที่ AI มีส่วนร่วมสูงถึงร้อยละ 25 ก่อนการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 เนื้อหาที่เข้าข่ายเขียนโดย AI มีเพียงร้อยละ 1.5 เท่านั้น แต่หลังจากปี 2023 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินร้อยละ 15 และยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ว่า เครื่องมือตรวจจับข้อความที่สร้างโดย AI ยังมีข้อจำกัดมาก เพราะเมื่อข้อความถูกแก้ไขหรือปรับโครงสร้างโดยมนุษย์ ระบบจะตรวจจับได้ยากขึ้น อีกทั้งการแปลภาษา การเขียนทับ หรือการปรับสำนวนในแต่ละภูมิภาคยังส่งผลให้ผลการตรวจจับคลาดเคลื่อนอย่างมาก การทดสอบย้อนหลังหลายกรณีพบว่า ความแม่นยำของระบบตรวจจับอาจลดลงเหลือเพียงร้อยละ 17 เท่านั้น James Zou นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ให้ความเห็นว่า “เรายังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าข้อความใดเขียนโดย AI หรือมนุษย์ การตรวจจับจะมีความแม่นยำกว่าหากวิเคราะห์ในระดับกลุ่มมากกว่าการตรวจเป็นรายข้อความ”