ไมโครซอฟท์–Phison ระบุตัวอัปเดต Windows ไม่ทำให้ SSD พัง หลังทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมงไม่พบปัญหา

หลังจากมีรายงานข่าวที่สร้างความกังวลในหมู่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อมีผู้ใช้ Windows 11 จำนวนหนึ่งเริ่มออกมาโพสต์ในฟอรั่มออนไลน์ว่าพบความผิดปกติของ SSD หลังติดตั้งอัปเดต Windows 11 KB5063878 โดยรายงานระบุว่าหลังอัปเดตเสร็จ SSD บางรุ่นอาจ “หายไปจากระบบ” หรือไม่สามารถบูตกลับมาได้ แม้จะรีสตาร์ทเครื่องแล้วก็ตาม ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในโซเชียลและชุมชนออนไลน์ด้านไอที สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ใช้งานและผู้ดูแลระบบเป็นจำนวนมาก
การตรวจสอบจาก Microsoft
ไมโครซอฟท์ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าหลังการตรวจสอบข้อมูลจากระบบ Telemetry และฐานข้อมูลการร้องเรียนของลูกค้า ไม่พบหลักฐานว่าอัปเดต KB5063878 เป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดไดรฟ์หรือ SSD อีกทั้งการทดสอบภายในก็ไม่พบปัญหานี้เช่นกัน อย่างไรก็ดี บริษัทแนะนำให้ผู้พบความผิดปกติรายงานผ่าน Feedback Hub
โดยสามารถค้นหา “Feedback Hub” ผ่าน Start Menu หรือกด Windows + F เพื่อเปิดแอปขึ้นมาโดยตรงหรือช่องทางซัพพอร์ตเพื่อช่วยรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
Phison ทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง
ด้าน Phison ผู้ผลิตชิปควบคุม SSD รายใหญ่ ซึ่งถูกกล่าวถึงในข่าวลือว่าเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ได้ทำการทดสอบอย่างเข้มข้นกว่า 4,500 ชั่วโมง ครอบคลุมกว่า 2,200 รอบการทดสอบบน SSD หลายรุ่น และไม่สามารถทำให้เกิดปัญหาเดียวกันได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีรายงานการเสียหายจากพันธมิตรหรือผู้ใช้ปลายทาง
อย่างไรก็ตาม Phison แนะนำผู้ใช้งานที่ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่หรืองานเข้มข้นให้ติดตั้งฮีทซิงก์เพื่อช่วยลดอุณหภูมิ SSD ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานในระยะยาว
ความเห็นจากผู้ใช้งานจริง
ในชุมชน Reddit มีผู้ใช้หลายรายทดลองเขียนข้อมูลจำนวนมากกว่า 3TB บนระบบที่ติดตั้งอัปเดตแล้ว แต่ไม่พบความผิดปกติใด ๆ บ่งชี้ว่าปัญหานี้อาจเกิดจากปัจจัยเฉพาะด้านฮาร์ดแวร์หรือสภาพแวดล้อมการใช้งาน มากกว่าจะเป็นบั๊กในแพตช์ของ Windows เอง
ยังไม่จบง่ายๆ — ผู้ใช้ไทยรายงาน SSD หายจริง
ในขณะที่ไมโครซอฟท์และ Phison ยืนยันว่าไม่พบปัญหาที่สอดคล้องกันจากการทดสอบภายใน แต่ในฝั่งผู้ใช้ไทยหลายรายกลับมีรายงาน SSD หายจริง และข้อมูลสูญหายหลังอัปเดตไม่นาน สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า ยังมีเคสเฉพาะรายที่อาจไม่สะท้อนในข้อมูลทางการ
ดังนั้นจนกว่าจะหาสาเหตุที่แท้จริงและแก้ไขได้ ผู้ใช้ Windows 11 ที่มีไดรฟ์เก็บข้อมูลซึ่งถูกใช้งานเกิน 60% ควรหลีกเลี่ยงการ ดาวน์โหลด คัดลอก หรือเขียนไฟล์ขนาดใหญ่ (หลายสิบกิกะไบต์) ลงในเครื่อง
ข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้และผู้ดูแลระบบ
แม้ผลการสอบสวนชี้ชัดว่าอัปเดต KB5063878 ไม่ได้เป็นสาเหตุของปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำดังนี้:
- สำรองข้อมูลสำคัญก่อนติดตั้งแพตช์ใหม่ทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการเขียนไฟล์ขนาดใหญ่จำนวนมากบน SSD ที่มีการใช้งานเกิน 60% ในช่วงแรกหลังติดตั้งอัปเดต
- ติดตั้งอุปกรณ์ระบายความร้อนเพิ่มเติมสำหรับ SSD ที่ใช้ทำงานหนัก
- หากพบความผิดปกติ ให้รายงานปัญหาผ่าน Microsoft Support หรือ Feedback Hub