October 7, 2025

ศาลฎีกาออกแนวทางใช้เทคโนโลยี AI ในงานพิจารณาคดีไทย ย้ำ “ผู้พิพากษาต้องตัดสินเอง”

นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา ได้ออก “คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการปฏิบัติงานคดี” เพื่อกำหนดแนวทางให้ศาลยุติธรรมไทยสามารถนำ AI มาช่วยงานได้อย่างเหมาะสม โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังคงรักษาความถูกต้อง ความยุติธรรม และหลักการตามกฎหมาย

การใช้งาน AI ได้ แต่ต้องมีขอบเขต

ในเอกสารดังกล่าว ศาลฎีกายอมรับว่า AI สามารถเข้ามามีบทบาทในกระบวนการยุติธรรมได้ โดยเฉพาะงานด้านธุรการ งานวิชาการ และงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสาธารณะทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของศาลมีความรวดเร็วและทันสมัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ในการพิจารณาคดีโดยตรงยังคงมีข้อจำกัดและความเสี่ยงหลายด้าน

5 ข้อแนะนำหลักจากศาลฎีกา

  1. ใช้ด้วยความรับผิดชอบและตระหนักถึงข้อจำกัดของ AI
    ต้องระวังว่า AI ยังไม่สมบูรณ์ และอาจมีข้อผิดพลาดหรืออคติแฝงอยู่ จึงไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจทางคดี
  2. ห้ามนำข้อมูลลับหรือข้อมูลส่วนบุคคลเข้าสู่ระบบ AI
    ข้อมูลทางราชการที่เป็นความลับ และข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ความ ต้องได้รับการปกป้องอย่างเคร่งครัด ไม่ควรถูกนำไปประมวลผลด้วย AI
  3. ผู้พิพากษาต้องคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระในการตัดสินคดี
    AI ไม่ควรถูกใช้ในการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงหรือชี้นำผลการพิจารณาคดี ผู้พิพากษายังคงต้องใช้ดุลพินิจและความรู้กฎหมายของตนเองในการวินิจฉัย
  4. อนุญาตให้ใช้ AI ในงานธุรการและวิชาการ
    เช่น การสืบค้นข้อมูล การจัดการเอกสาร หรือการวิเคราะห์เบื้องต้น แต่ต้องตรวจสอบความถูกต้องของผลลัพธ์ทุกครั้ง
  5. สำนักงานศาลยุติธรรมต้องคัดเลือกเทคโนโลยี AI ที่เหมาะสม
    โดยพิจารณาทั้งความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัยด้านข้อมูล และการปกป้องความลับของทางราชการ เพื่อให้การใช้งานสอดคล้องกับหลักกฎหมายและมาตรฐานสากล

เน้นย้ำ “AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้ตัดสิน”

ศาลฎีกาย้ำว่า แม้เทคโนโลยี AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ไม่สามารถแทนที่การตัดสินของผู้พิพากษาได้ เพราะแก่นแท้ของกระบวนการยุติธรรมคือความเป็นอิสระ ความรอบคอบ และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้

ที่มา