September 4, 2025

ดิสนีย์ถูกปรับ 370 ล้านบาท หลังเก็บข้อมูลเด็กบน YouTube โดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัท Walt Disney ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อบันเทิงของสหรัฐฯ ตกลงยอมจ่ายเงินค่าปรับจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 370 ล้านบาท เพื่อยุติคดีข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (FTC) ที่ระบุว่าบริษัทได้ติดป้ายกำกับวิดีโอในช่อง YouTube ของตัวเองไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเด็กในสหรัฐฯ หรือ COPPA (Children’s Online Privacy Protection Act)

ที่มา

คดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากการตรวจสอบของ FTC ที่พบว่าช่อง YouTube ของ Disney ใช้การตั้งค่าป้ายกำกับวิดีโอในระดับช่องแบบค่าเริ่มต้น ซึ่งทำให้วิดีโอหลายร้อยรายการไม่ได้รับการระบุว่าเป็นเนื้อหาสำหรับเด็ก แม้ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่เจาะกลุ่มผู้ชมอายุต่ำกว่า 13 ปี การระบุป้ายผิดทำให้ YouTube ยังคงสามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้งานเด็กและแสดงโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมาย COPPA อย่างชัดเจน

โดย FTC เปิดเผยว่ายูทูบเคยแจ้งเตือน Disney ตั้งแต่กลางปี 2020 และปรับแก้ป้ายกำกับในบางส่วนแล้ว แต่บริษัทกลับไม่ปรับปรุงระบบตรวจสอบภายใน จนเกิดการละเมิดต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

บทลงโทษ

ตามข้อตกลงยุติคดี Disney จะต้องชำระค่าปรับจำนวน 10 ล้านดอลลาร์ และต้องสร้างระบบตรวจสอบวิดีโอแบบถาวรเพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาทุกชิ้นได้รับการกำกับป้ายอย่างถูกต้องว่า “สำหรับเด็ก” หรือ “ไม่สำหรับเด็ก” ตลอดระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการขอความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนเก็บข้อมูลเด็กตามกฎหมาย COPPA หากในอนาคต YouTube สามารถพัฒนาระบบแบ่งกลุ่มอายุสากลที่แม่นยำได้ บริษัทอาจได้รับการผ่อนปรนไม่ต้องใช้ระบบตรวจสอบของตัวเองเพิ่มเติม

FTC ระบุว่ากรณีนี้สะท้อนถึงความจริงจังของหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ ที่จะไม่ยอมให้บริษัทใดละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็ก และถือเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ผลิตคอนเทนต์และผู้เผยแพร่เนื้อหาออนไลน์ทุกเจ้าให้ความสำคัญกับการติดป้ายและการขออนุญาตผู้ปกครองอย่างเข้มงวด

คำชี้แจงจาก Disney

ขณะที่ Disney ชี้แจงว่าปัญหานี้เกิดจากการติดป้ายผิดพลาดเพียงบางรายการในช่วงโควิด-19 และยืนยันว่าบริการสตรีมมิงและแพลตฟอร์มอื่นๆ ของบริษัทไม่ได้มีปัญหาลักษณะเดียวกัน บริษัทให้คำมั่นว่าจะร่วมมืออย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเด็ก และเดินหน้าสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยข้อมูลที่สูงขึ้น

คดีนี้ยังสะท้อนถึงความท้าทายของอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มที่เด็กเข้าถึงได้ง่ายอย่าง YouTube ซึ่งเคยถูกปรับเงินถึง 170 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 จากการละเมิดกฎหมาย COPPA เช่นกัน เหตุการณ์ล่าสุดจึงเป็นอีกสัญญาณว่าผู้ผลิตเนื้อหาออนไลน์ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่เพียงใด หากไม่กำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวดก็อาจต้องเผชิญบทลงโทษที่รุนแรงได้เช่นกัน

ที่มา