ตลาด EV แผ่ว Foxconn ขายโรงงาน เปลี่ยนมาผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI แทน
Foxconn กำลังเดินหน้าเปลี่ยนทิศทางธุรกิจครั้งสำคัญ หลังจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐเริ่มแผ่วลงและไม่เติบโตตามที่คาดไว้ โดยล่าสุดได้ประกาศขายโรงงานผลิตรถ EV ที่เมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ ซึ่งเคยเป็นโรงงานของ General Motors มาก่อน ให้กับบริษัทชื่อ Crescent Dune LLC ด้วยมูลค่ารวมกว่า 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมทั้งตัวโรงงาน อุปกรณ์ และอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด
แม้จะขายทรัพย์สินออกไป แต่ Foxconn ยังวางแผนเดินหน้าดำเนินการผลิตในพื้นที่เดิมโดยปรับเปลี่ยนจากสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปสู่การผลิตเซิร์ฟเวอร์สำหรับงานประมวลผล AI และระบบคลาวด์ โดยให้เหตุผลว่ากระแสความต้องการศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์ AI ทั่วโลกกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่ความต้องการรถ EV โดยเฉพาะในอเมริกาเริ่มชะลอตัว โดยได้รับผลกระทบจากทั้งการแข่งขันที่รุนแรง ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และนโยบายรัฐที่เปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเร่งผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ภายในประเทศ โดยมีการลดแรงจูงใจด้านรถยนต์ไฟฟ้า และหันไปสนับสนุนการสร้างศูนย์ข้อมูลและโรงงานผลิตฮาร์ดแวร์ AI แทน เพื่อรองรับการแข่งขันในยุคปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเข้มข้นในระดับโลก
รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า ธุรกิจด้านเซิร์ฟเวอร์ของ Foxconn ในปัจจุบันสร้างรายได้คิดเป็นกว่า 34–40% ของรายรับรวม และคาดว่าในปี 2025 สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากเซิร์ฟเวอร์ AI ที่กลายเป็นสินค้าหลักของตลาดโลก ซึ่งน่าจะทำให้ Foxconn กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกในเวลาอันใกล้
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ Foxconn คือการเป็นพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น TECO Electric & Machinery และ NVIDIA โดยมีแผนสร้าง “AI factories” หรือโรงงานผลิตระบบ AI ที่ครบวงจร ตั้งแต่แร็คเซิร์ฟเวอร์ ระบบระบายความร้อน ไปจนถึงโซลูชันประหยัดพลังงาน ซึ่งจะตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI ประสิทธิภาพสูง
การถอนตัวจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐของ Foxconn อาจส่งผลสะเทือนถึงบริษัทที่เคยมีแผนร่วมมือในการผลิต EV อย่าง Tesla หรือ Lordstown Motors ในอดีต แต่ในอีกมุมหนึ่ง การหันมาจับตลาดฮาร์ดแวร์ AI ก็ถือเป็นการปรับตัวที่เฉียบคมและทันเวลา เพราะขณะนี้โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและการสร้างระบบ AI กลายเป็นปัจจัยกำหนดศักยภาพของประเทศและองค์กรขนาดใหญ่