Microsoft ถูกฟ้องปมเลิกซัพพอร์ต Windows 10 บีบให้ซื้อคอมใหม่เพื่อ Windows 11
เกิดกระแสข่าวใหญ่ในวงการไอทีเมื่อ Lawrence Klein ชาวรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ยื่นฟ้อง Microsoft ต่อศาลสูงซานดิเอโก หลังบริษัทประกาศจะยุติการสนับสนุน Windows 10 ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 โดย Klein ระบุว่าการยุติครั้งนี้เป็น “กลยุทธ์บีบบังคับ” ให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่รองรับ Windows 11 และฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์อย่าง Copilot ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของ Microsoft ในปัจจุบัน
ตามข้อมูลล่าสุด Windows 10 ยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยข้อมูลจากเดือนเมษายน 2025 ชี้ว่า สัดส่วนผู้ใช้ยังอยู่ที่ราว 52.94% และในเดือนกรกฎาคม 2025 ระบุว่ามีผู้ใช้กว่า 43% ของทั้งหมดที่ยังไม่เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ขณะที่อุปกรณ์กว่า 240 ล้านเครื่องทั่วโลกไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดด้านฮาร์ดแวร์ เช่น การรองรับ TPM 2.0 หรือคุณสมบัติขั้นต่ำอื่น ๆ Klein มองว่าการบังคับให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่จะสร้างปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและเป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว Klein ยังเตือนว่าผู้ที่ยังใช้ Windows 10 หลังสิ้นสุดการสนับสนุนจะเผชิญความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์ เนื่องจากไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยอีกต่อไป เขายืนยันว่า Microsoft ตระหนักถึงปัญหานี้แต่ยังคงเดินหน้าตามแผนเดิม ซึ่งถือเป็นการละเลยความปลอดภัยของผู้ใช้จำนวนมาก
ในคำฟ้อง Klein เรียกร้องให้ศาลสั่ง Microsoft หยุดการโฆษณาที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด และเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงอย่างโปร่งใส พร้อมขยายการสนับสนุน Windows 10 ต่อไปโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม จนกว่าสัดส่วนผู้ใช้ Windows 10 จะเหลือไม่ถึง 10% ของผู้ใช้ Windows ทั้งหมด ทั้งนี้เขาไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายส่วนตัว แต่ขอเพียงให้ Microsoft ชำระค่าทนายความของเขา
แม้ Microsoft จะมีทางเลือก Extended Security Updates (ESU) ให้ผู้ใช้จ่ายเงินเพื่อรับการอัปเดตต่ออีกหนึ่งปี หรือรับฟรีหากผูกบัญชีกับ Microsoft และใช้คะแนน Microsoft Rewards แต่ Klein เห็นว่านี่ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง เนื่องจากมีข้อจำกัดและไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทียังมองว่าการตั้งข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ที่เข้มงวดสำหรับ Windows 11 อาจไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้ทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อมีคนใช้งาน Windows 10 อยู่จำนวนมากทั่วโลก
แม้คดีนี้อาจไม่สามารถตัดสินได้ทันก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการสนับสนุนอย่างเป็นทางการของ Windows 10 แต่การฟ้องร้องครั้งนี้สร้างแรงกดดันด้านภาพลักษณ์ให้กับ Microsoft และอาจผลักดันให้บริษัทต้องทบทวนนโยบายหรือหาทางออกที่เอื้อประโยชน์แก่ผู้ใช้มากขึ้น นอกเหนือจากผลทางกฎหมายแล้ว กรณีนี้ยังสะท้อนถึงความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ที่อาจขัดกับความพร้อมของผู้ใช้และหลักการความยั่งยืน ทั้งในมิติความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และความเป็นธรรม