Microsoft จะไม่ใช้วิศวกรจีน ดูแลระบบคลาวด์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

ไมโครซอฟท์กำลังเตรียมปรับนโยบายด้านความมั่นคงภายในองค์กร โดยเฉพาะการเข้าถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้วิศวกรซอฟต์แวร์ในจีนและประเทศอื่น ๆ ที่สหรัฐฯ มองว่าเป็น “คู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์” ต้องถูกจำกัดการเข้าถึงระบบที่มีความละเอียดอ่อน
แหล่งข่าววงในระบุว่า แม้ยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงที่มีผลในทันที แต่ไมโครซอฟท์อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางจำกัดการเข้าถึงซอร์สโค้ดและโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของโปรเจกต์สำคัญที่เกี่ยวพันกับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์ที่รองรับงานด้านความมั่นคงและกลาโหม
หนึ่งในข้อกังวลสำคัญคือโครงการ Microsoft Azure Government Cloud และ Microsoft 365 Government Secret ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ทั้งสองบริการนี้ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความมั่นคงระดับสูง เช่น FedRAMP High และ DoD IL5 ซึ่งจำเป็นต้องจำกัดสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจากบุคลากรที่อยู่นอกสหรัฐฯ
นโยบายใหม่นี้สะท้อนถึงทิศทางที่สหรัฐฯ เริ่มเข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมความเสี่ยงด้านไซเบอร์และการถ่ายโอนเทคโนโลยีไปยังประเทศที่อาจเป็นภัยคุกคามเชิงยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตึงเครียด ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ ความมั่นคง และเทคโนโลยี
ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์มีทีมวิศวกรในจีนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและทดสอบระบบซอฟต์แวร์หลัก แต่ด้วยแรงกดดันจากภาครัฐและสภาคองเกรสที่จับตาใกล้ชิดต่อประเด็นความมั่นคงทางไซเบอร์ บริษัทจึงต้องเริ่มพิจารณาแนวทางลดความเสี่ยงและเพิ่มการควบคุมภายใน
โฆษกของไมโครซอฟท์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อกรณีนี้ โดยระบุเพียงว่า “ไมโครซอฟท์มีพันธกิจชัดเจนในการปกป้องความมั่นคงของลูกค้า และปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกประการของสหรัฐอเมริกา”
แม้ยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ แต่ท่าทีของไมโครซอฟท์ครั้งนี้สะท้อนกระแสการแยกขั้วของโลกเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบการทำงานข้ามชาติของบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ในอนาคต