July 7, 2025

ตะลึง Meta ยอมทุ่มจ่ายค่าตัวทีม AI บางคนได้เงินเดือน-หุ้น-โบนัส รวมสูงสุด 228 ล้านบาทต่อเดือน!

ท่ามกลางมหากาพย์การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ดุเดือดที่สุดแห่งยุค Meta ได้ทุ่มเงินมหาศาลไล่ล่าผู้เชี่ยวชาญ AI ระดับโลก เงินเดือนเริ่มต้น 3 แสน ขณะที่บางคนจะยังได้รับแพ็กเกจค่าตอบแทนสำหรับ “บางตำแหน่ง” สูงถึง 10,950 ล้านบาทใน 4 ปี หรือ 228 ล้านบาท/เดือน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวเลขค่าจ้างที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

การทุ่มเงินระดับนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อแสดงศักยภาพของ Meta เท่านั้น แต่ยังสะท้อนว่า “สงคราม AI” ในครั้งนี้เดิมพันด้วยอนาคตของทั้งบริษัท และวงการเทคโนโลยีทั้งระบบ

จากข้อมูลแบบฟอร์ม H‑1B ที่ Meta ยื่นต่อกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ พบว่า ค่าตอบแทนพื้นฐานของพนักงานที่รับเข้าทำงานในสาย AI และซอฟต์แวร์มีมูลค่าสูงลิ่ว ได้แก่

  • วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer): สูงสุด 1.45 ล้านบาท/เดือน (17.5 ล้านบาท/ปี -480,000 ดอลลาร์)
  • วิศวกรแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning Engineer): สูงสุด 1.31 ล้านบาท/เดือน (16.1 ล้านบาท/ปี (440,000 ดอลลาร์)
  • นักออกแบบผลิตภัณฑ์และนักวิจัย (Product Designers & Researchers): มากกว่า 3 แสนบาท/เดือน (7.3 ล้านบาท/ปี (200,000 ดอลลาร์ขึ้นไป)

ค่าจ้างเหล่านี้ยังไม่รวมโบนัสและหุ้น RSU (Restricted Stock Units) ซึ่งในกรณีระดับสูงจะยิ่งทำให้รายได้ต่อปีพุ่งสูงอย่างมหาศาล โดยข้อมูลเงินเดือนทั้งหมดนี้ได้จาก แบบฟอร์ม H‑1B ซึ่งเป็นเอกสารที่นายจ้างในสหรัฐฯ ต้องยื่นต่อกระทรวงแรงงานเมื่อว่าจ้างชาวต่างชาติ และเป็นข้อมูลสาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบของรัฐบาลสหรัฐฯ

นอกจากเงินเดือนพื้นฐานแล้ว Meta ยังจัดสรรแพ็กเกจค่าตอบแทนที่รวมโบนัสและหุ้น RSU สำหรับผู้เชี่ยวชาญ AI ขั้นสูง โดยรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า:

  • นักวิจัย AI อาวุโส อาจได้รับค่าตอบแทนรวมระหว่าง 109–255 ล้านบาท/ปี (3–7 ล้านดอลลาร์)
  • ผู้นำโครงการ Superintelligence Lab บางรายอาจได้แพ็กเกจสูงถึง 3,650–10,950 ล้านบาท ภายใน 4 ปี (100–300 ล้านดอลลาร์)

แม้จะมีข่าวลือว่า Meta มอบ “โบนัสเซ็นสัญญา 3,650 ล้านบาท” ให้พนักงานบางราย แต่แหล่งข่าวภายในระบุว่าส่วนใหญ่เป็นการมอบหุ้น RSU แทนเงินสด และจำกัดเฉพาะตำแหน่งระดับหัวหน้าหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางขั้นสูงเท่านั้น

สาเหตุที่ทำให้ค่าตอบแทนของบุคลากร AI พุ่งสูง เกิดจากปัจจัยหลายด้าน ได้แก่

  • ความขาดแคลนแรงงาน AI ขั้นสูง: ทั่วโลกมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในระดับลึกเพียงราว 2,000 คนเท่านั้น
  • การแข่งขันระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่: ไม่เพียง Meta เท่านั้นที่ไล่ล่าคนเก่ง OpenAI, Google DeepMind, Anthropic, และ xAI ต่างก็เร่งเสริมทัพอย่างหนัก
  • การลงทุนไม่จำกัด: ด้วยมูลค่ากิจการใกล้ 70 ล้านล้านบาท (2 ล้านล้านดอลลาร์) Meta มีทรัพยากรเพียงพอที่จะดึงดูดคนเก่งโดยไม่กังวลต้นทุน

การที่ Meta ทุ่มค่าตอบแทนในระดับสูงเช่นนี้ ไม่เพียงสะท้อนความสำคัญของ AI ต่ออนาคตของบริษัทเท่านั้น แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปยังบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก โดยมีแนวโน้มว่า:

  • บริษัทต่าง ๆ จะต้องยกระดับค่าตอบแทนและสวัสดิการเพื่อรักษาคนเก่งไว้
  • นักวิจัย AI ในอนาคตอาจต้องมี “ตัวแทน” หรือ “เอเจนซี” แบบเดียวกับนักกีฬา เพื่อช่วยต่อรองผลประโยชน์
  • ความชำนาญเฉพาะทาง เช่น ระบบการเรียนรู้ลึกหรือวิสัยทัศน์คอมพิวเตอร์ จะยิ่งได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 30–50%

ในขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว Meta ได้ตอกย้ำจุดยืนว่าบุคลากรคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด และพร้อมที่จะลงทุนมหาศาลเพื่อช่วงชิงผู้นำของโลกในสนามปัญญาประดิษฐ์ หากสงครามชิงตัวผู้เชี่ยวชาญ AI คือเกมเดิมพันแห่งศตวรรษ Meta กำลังส่งสัญญาณชัดเจนว่า พวกเขาไม่ยอมเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้แน่นอน

ที่มา

ที่มา