July 15, 2025

หัวเว่ยเร่งเจรจาขายชิป AI ขั้นสูง ให้ไทยและอาเซียน หวังขยายตลาดสู้ Nvidia

หัวเว่ยกำลังเดินหน้าผลักดันการขายชิป AI รุ่น Ascend 910B รวมถึงแพลตฟอร์ม AI ขั้นสูง ให้กับกลุ่มลูกค้าในไทย, อาเซียน และตะวันออกกลาง โดยมีรายงานว่าบริษัทได้เริ่มเจรจากับหน่วยงานในไทย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และซาอุดีอาระเบีย เพื่อเสนอขายชิปรุ่นดังกล่าวจำนวนหลายพันหน่วย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงใดที่บรรลุผล

ชิป Ascend 910B เป็นชิปด้าน AI ที่หัวเว่ยพัฒนาเพื่อใช้ในงานด้านการประมวลผล AI โดยพยายามนำเสนอเป็นทางเลือกสำหรับประเทศที่ต้องการลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ เช่น Nvidia ซึ่งครองตลาด AI ระดับโลกอยู่ในปัจจุบัน การเจรจานี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในบริบทของการห้ามส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีนจากฝั่งตะวันตก ทำให้บริษัทจีนต้องหาช่องทางขยายตลาดใหม่ในประเทศที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดเหล่านั้น

นอกจากการเสนอขายชิปแบบฮาร์ดแวร์โดยตรงแล้ว หัวเว่ยยังพยายามโปรโมตแพลตฟอร์มประมวลผล AI อย่าง CloudMatrix 384 ซึ่งใช้ชิปรุ่นใหม่ Ascend 910C ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า แม้ยังไม่พร้อมขายออกนอกประเทศเนื่องจากสายการผลิตยังจำกัด โดยแพลตฟอร์มนี้อนุญาตให้ลูกค้าจากต่างประเทศเข้าถึงการประมวลผล AI ระดับสูงผ่านระบบคลาวด์ของหัวเว่ยในจีน ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์แบบ “as-a-service” ที่หัวเว่ยใช้ทดแทนการส่งมอบชิปโดยตรง

ด้านภายในประเทศจีน หัวเว่ยยังคงเน้นการส่งมอบชิปรุ่นใหม่ Ascend 910C ให้กับลูกค้าในประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงชิปอเมริกันได้เนื่องจากมาตรการจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ส่งผลให้ชิปของหัวเว่ยกลายเป็นโซลูชันสำคัญที่ภาคธุรกิจจีนหันมาใช้แทนชิปจาก Nvidia หรือ AMD

สำหรับประเทศไทย รายงานระบุเพียงว่ามีความพยายามในการเจรจาจากฝั่งหัวเว่ย แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าหน่วยงานใดคือผู้เจรจาหรือรูปแบบการใช้งานที่คาดหวังคืออะไร อย่างไรก็ตาม การที่หัวเว่ยเลือกไทยเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมาย สะท้อนถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่เติบโตของประเทศ และอาจเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมให้ไทยมีโอกาสเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ไม่ต้องพึ่งพาชิปจากฝั่งตะวันตกมากนัก

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของหัวเว่ยในการขยายตลาดชิป AI ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางภูมิรัฐศาสตร์ และความพร้อมด้านกำลังการผลิต ซึ่งอาจเป็นทั้งโอกาสและข้อจำกัดในเวลาเดียวกัน โดยตลาดอย่างไทยที่ต้องการเร่งพัฒนาระบบ AI เพื่อใช้ในภาครัฐและเอกชน อาจต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเทคโนโลยี ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายด้านความมั่นคงทางไซเบอร์อย่างรอบคอบ

ที่มา