July 4, 2025

Microsoft ปรับใหญ่ Exchange Server ไม่มีชื่อรุ่นตามปีแล้ว ยกเลิกซื้อขาด เปลี่ยนเป็น Subscription รายปีอย่างเดียว

ไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับ Exchange Server ด้วยการเปิดตัว Exchange Server Subscription Edition (SE) เวอร์ชันล่าสุดของระบบอีเมลสำหรับองค์กรที่ใช้งานแบบ On-Premise ติดตั้งใช้งานภายในองค์กรเอง โดยเปลี่ยนรูปแบบการขายสิทธิ์ใช้งานจากแบบ ไลเซนส์ซื้อขาด (Perpetual License) มาเป็นโมเดล Subscription รายปีเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยให้บริษัทไมโครซอฟท์สามารถให้บริการและอัปเดตซอฟต์แวร์ได้อย่างต่อเนื่องและทันสมัยมากขึ้น

Exchange SE จะไม่มีการออกรุ่นใหม่ทุก 2-3 ปีอีกต่อไป เช่นเดียวกับที่เคยมี Exchange Server 2019 หรือเวอร์ชันก่อนหน้า แต่จะใช้แนวทาง “Evergreen” ที่หมายความว่าผู้ใช้งานจะได้รับการดูแลและปล่อยอัปเดตทั้งฟีเจอร์ใหม่และแพตช์ความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีวันหมดอายุ ตราบใดที่องค์กรยังมีสิทธิ์การใช้งานและทำการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ได้แจ้งแผนการเปลี่ยนโมเดลไลเซนส์ของ Exchange Server ล่วงหน้ามาตั้งแต่ปี 2565 โดยระบุว่า Exchange 2019 จะเป็นเวอร์ชันซื้อขาดสุดท้าย ผู้ดูแลระบบและองค์กรที่ติดตามข่าวสารผ่านช่องทางอย่าง Microsoft Tech Community หรือการอัปเดตจากโปรแกรม Software Assurance จึงน่าจะได้รับทราบเรื่องนี้ล่วงหน้ามาโดยตลอด และมีเวลาพอสมควรในการเตรียมตัววางแผนเปลี่ยนผ่านระบบ

Exchange Server 2019 จะเป็นเวอร์ชันสุดท้าย

การเปลี่ยนแปลงนี้ยังหมายความว่า Exchange Server 2019 ซึ่งเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่จำหน่ายในรูปแบบไลเซนส์ซื้อขาด จะหมดระยะซัพพอร์ตในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 และจะไม่มีการขยายเวลาซัพพอร์ตเพิ่มเติมหลังจากนั้น ส่งผลให้องค์กรที่ยังใช้ Exchange รุ่นเก่าควรเตรียมแผนการย้ายระบบไปสู่ Exchange SE ภายในเวลาที่กำหนด

ในด้านค่าใช้จ่าย Exchange SE จะถูกจำหน่ายในรูปแบบ Subscription โดยองค์กรที่มี Software Assurance (SA) หรือสิทธิ์ Microsoft 365 อยู่แล้ว อาจได้รับสิทธิ์อัปเกรดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่สำหรับองค์กรที่ไม่มี SA จะต้องจ่ายค่ารายปีสำหรับสิทธิ์ใช้งาน (Client Access License – CAL) ซึ่งมีราคาประเมินอยู่ที่ประมาณ 10–12 ดอลลาร์สหรัฐต่อผู้ใช้งานต่อเดือน ราคาที่แท้จริงขึ้นอยู่กับขนาดองค์กรและประเภทไลเซนส์

ในแง่ของการอัปเกรด บริษัทไมโครซอฟท์ออกแบบให้ Exchange SE สามารถอัปเกรดได้ทันทีจาก Exchange 2019 CU14 หรือ CU15 แบบ in-place upgrade โดยไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมด แต่สำหรับองค์กรที่ใช้ Exchange 2016 หรือรุ่นก่อนหน้านั้น จำเป็นต้องย้ายข้อมูลมายัง Exchange 2019 ก่อนแล้วจึงอัปเกรดต่อไปยัง SE

การเปลี่ยนโมเดลนี้สะท้อนภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงในตลาดซอฟต์แวร์องค์กรที่กำลังมุ่งสู่การให้บริการแบบ Subscription เป็นหลัก ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บริษัทไมโครซอฟท์สามารถปล่อยฟีเจอร์ใหม่และแพตช์ความปลอดภัยได้รวดเร็วและต่อเนื่องมากขึ้น ยังช่วยให้องค์กรลดภาระการวางแผนอัปเกรดระบบใหญ่ ๆ ทุกไม่กี่ปี และเพิ่มเสถียรภาพในการบริหารจัดการระบบไอที

ฝ่ายไอทีต้องทำอะไรบ้าง

การเปลี่ยนแปลงโมเดลขาย Exchange Server จากแบบไลเซนส์ซื้อขาด (Perpetual License) เป็น Subscription รายปี ส่งผลโดยตรงต่อวิธีการบริหารจัดการระบบไอทีและแผนงานของฝ่ายไอทีในองค์กร โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดซื้อจัดหาและการบริหารงบประมาณ

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายไอทีสามารถวางแผนจัดซื้อไลเซนส์ Exchange Server แบบซื้อขาดครั้งเดียวและใช้งานได้นานหลายปี ซึ่งทำให้การวางงบประมาณเป็นแบบก้อนใหญ่แต่กระจายในระยะเวลายาว อย่างไรก็ตาม โมเดล Subscription เปลี่ยนรูปแบบนี้ไปเป็นการจ่ายค่าบริการแบบรายปี หรือต่อเนื่องตามจำนวนผู้ใช้งาน ส่งผลให้องค์กรต้องปรับแผนการจัดซื้อให้เป็นแบบต่อเนื่อง (Recurring Expense) แทนการลงทุนครั้งเดียว (Capital Expense) ซึ่งอาจมีผลต่อการจัดสรรงบประมาณและการบริหารค่าใช้จ่ายในระยะยาว

นอกจากนี้ ฝ่ายไอทีต้องมีการวางแผนบริหารจัดการสิทธิ์การใช้งานอย่างรัดกุม เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรยังคงมีสิทธิ์ใช้งานและการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่อง เพราะหากสิทธิ์ Subscription สิ้นสุดลงหรือขาดการต่ออายุ อาจทำให้ระบบขาดการซัพพอร์ตและเสี่ยงต่อช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

อีกประเด็นสำคัญคือ ฝ่ายไอทีต้องเตรียมความพร้อมสำหรับกระบวนการอัปเกรดที่เปลี่ยนไป เนื่องจาก Exchange SE ใช้วิธีการอัปเดตแบบ cumulative update ที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความปลอดภัยและฟีเจอร์ให้ทันสมัย ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรด้านบุคลากรและเครื่องมือที่เหมาะสม รวมถึงการทดสอบและวางแผนการอัปเดตอย่างรัดกุม เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการทำงานของระบบอีเมลในองค์กร

สุดท้าย การเปลี่ยนโมเดลขายยังหมายความว่าฝ่ายไอทีจะต้องทำงานร่วมกับฝ่ายการเงินและผู้บริหารในการปรับกระบวนการจัดซื้อ การทำงบประมาณ และการต่อรองสัญญาไลเซนส์รูปแบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย Subscription ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง และตอบสนองต่อความต้องการขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยสรุปแล้ว Exchange Server Subscription Edition คืออนาคตของระบบอีเมลองค์กรบนเซิร์ฟเวอร์ที่ยังคงต้องการควบคุมภายในองค์กรเอง (on-premises) แต่ในรูปแบบโมเดลการใช้งานที่ทันสมัยและยั่งยืนกว่าเดิม องค์กรควรเริ่มวางแผนการเปลี่ยนผ่านเพื่อให้มั่นใจว่าระบบอีเมลของตนจะได้รับการดูแลและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ที่มา

ที่มา

ที่มา