จงใจหรือบัก? หลัง Microsoft Family Safety สร้างปัญหา ทำ Chrome เปิดไม่ขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ใช้ Windows จำนวนมากทั่วโลกเริ่มตั้งคำถาม เมื่อ Google Chrome ไม่สามารถเปิดใช้งานได้บนบัญชีที่มีการเปิดใช้ระบบควบคุมโดยผู้ปกครองของ Microsoft หรือที่เรียกว่า Family Safety ล่าสุด Microsoft ออกมายอมรับแล้วว่า นี่เป็นบักของระบบ แต่หลายเสียงยังตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการ “บล็อก” โดยเจตนาหรือไม่
ปัญหานี้เริ่มต้นเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 ผู้ใช้ Windows 10 และ Windows 11 ที่เปิดใช้งาน Microsoft Family Safety ในบัญชีของบุตรหลานหรือบัญชีเยาวชน พบว่าไม่สามารถเปิด Google Chrome ได้ตามปกติ โดยลักษณะปัญหาแตกต่างกันไป เช่น Chrome เปิดขึ้นแล้วเด้งปิดทันที, ไม่แสดงข้อความใด ๆ แต่แอปไม่ตอบสนอง
ขณะที่บราว์เซอร์อื่น เช่น Firefox, Opera ยังคงใช้งานได้ตามปกติ
ทำให้ผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะครอบครัวและโรงเรียน ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ เพราะบางคนใช้ Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลักในการเรียนออนไลน์ ทำให้เกิดความไม่สะดวกอย่างมาก หลายฝ่ายมองว่า Microsoft ควรแสดงข้อความเตือนให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ต้องสับสนและเสียเวลาวิเคราะห์ปัญหาเอง
เพราะในช่วงแรก ผู้ใช้บางรายคิดว่าเป็นปัญหาของตัว Chrome เอง แต่เมื่อมีรายงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มเหมือนกันทุกกรณี จึงเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ไมโครซอฟท์ตรวจสอบ
ซึ่งทางไมโครซอฟท์ได้ออกมายอมรับว่า ปัญหานี้เกิดจากระบบ Activity Reporting ใน Microsoft Family Safety ซึ่งหากฟีเจอร์นี้ถูกปิดไว้ (โดยผู้ปกครองตั้งค่า) จะทำให้ Chrome ถูกระบบบล็อกโดยไม่แสดงข้อความแจ้งเตือน
ระบบของ Family Safety จะอนุญาตให้เปิดเฉพาะแอปที่อยู่ในรายการปลอดภัย (whitelist) และหากไม่มีข้อมูลว่า Chrome ได้รับอนุญาตหรือไม่ ก็จะสั่งบล็อกทันที — ปัญหาคือ ไม่มีข้อความใดแจ้งผู้ใช้ว่าทำไมถึงถูกบล็อก
แม้ไมโครซอฟท์จะยืนยันว่าเป็นบักของระบบ แต่ผู้ใช้หลายรายเริ่มตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงเกิดเฉพาะกับ Chrome ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Edge และเหตุใดเบราว์เซอร์อื่น ๆ จึงไม่ได้รับผลกระทบแบบเดียวกัน
แม้จะไม่มีหลักฐานว่ามีความจงใจ แต่ก็ทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบต่อไมโครซอฟท์ ในแง่ของการผูกขาดหรือจำกัดทางเลือกของผู้ใช้ โดยเฉพาะในระบบที่ออกแบบมาเพื่อ “ควบคุม” มากกว่า “ให้เลือก”