June 24, 2025

ไขข้อเท็จจริง! ข่าวข้อมูลรั่ว 16,000 ล้านรายการ

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลกออนไลน์ตื่นตระหนกกับข่าวที่ระบุว่า “บัญชีผู้ใช้งานกว่า 16 พันล้านรายการ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ” ซึ่งฟังดูเหมือนเหตุการณ์ Data Breach หรือการแฮกระบบขนาดมหึมาในปัจจุบัน แต่เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกกลับพบว่า นี่ “ไม่ใช่การเจาะระบบใหม่” หากแต่เป็น การรวบรวมข้อมูลที่เคยรั่วไหลในอดีต จากแหล่งต่างๆ มาไว้รวมกัน ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อย่างมหาศาลหากไม่รู้เท่าทัน

ข้อมูลจาก BleepingComputer เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นการเจาะระบบครั้งใหม่ในปี 2025 นั้น แท้จริงคือการค้นพบชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 16 พันล้านข้อมูลบัญชีผู้ใช้ โดยไม่ได้มาจากการเจาะระบบครั้งเดียว แต่เป็น ผลจากการรวบรวมข้อมูลที่หลุดรั่วมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะจาก:

  • การเจาะระบบเว็บไซต์ต่างๆ ในอดีต
  • มัลแวร์ประเภท infostealer ที่ขโมยข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้
  • แหล่งขายข้อมูลบัญชีบน Telegram, ฟอรั่มใต้ดิน, Pastebin หรือ Discord

ส่วนหนึ่งของข้อมูลก็เช่น

  • ข้อมูลการล็อกอินเว็บไซต์ทั่วไป (Email / Password)
  • Token และคุกกี้ของบัญชี Facebook, Instagram, Google, Steam, YouTube ฯลฯ
  • ข้อมูลการเข้าถึงระบบขององค์กร เช่น VPN, RDP, AWS Console
  • รหัสผ่านจากเบราว์เซอร์ Chrome, Edge, Firefox ที่ไม่ถูกเข้ารหัส
  • รหัสผ่าน Wi-Fi, คีย์ SSH, คีย์ API, และข้อมูลบัตรเครดิต

ชุดข้อมูลเหล่านี้ถูกจัดระเบียบใหม่ กลายเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์รั่วไหลใหม่ แต่แท้จริงคือ “คลังข้อมูลเก่า” ที่ยังคงมีพลังในการทำลายล้าง

หนึ่งในแหล่งข้อมูลหลักของชุดบัญชีจำนวนมหาศาลนี้ มาจากมัลแวร์ชื่อว่า infostealer ซึ่งแอบทำงานบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้โดยไม่รู้ตัว แล้วดึงข้อมูลทุกอย่างที่เก็บไว้ เช่น:

  • ชื่อบัญชีและรหัสผ่านจากเว็บเบราว์เซอร์
  • คุกกี้และโทเคนสำหรับล็อกอิน
  • ข้อมูลจากแอปแชท อีเมล เกม หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ

แม้ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นข้อมูลเก่า แต่ยังคง “ใช้งานได้” เพราะ ผู้ใช้จำนวนมากยังไม่มีการได้เปลี่ยนรหัสผ่าน มีบางส่วนที่รวมข้อมูลสำคัญอื่น เช่น คุกกี้ หรือโทเคนที่ยังไม่หมดอายุ และถูกใช้เป็น “ฐานข้อมูลอ้างอิง” ในการเจาะบัญชี แฮ็กบัญชีอีเมล หรือขโมยบัญชีโซเชียล

นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังมีการเผยแพร่ฟรีในชุมชนของกลุ่มแฮกเกอร์เพื่อสร้างชื่อเสียง ยิ่งทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ได้ง่ายกว่าที่เคย

สำหรับผู้ใช้ทั่วไป สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ” แต่ก็ควร “ไม่ชะล่าใจ” เพราะข้อมูลในชุดนี้อาจมีของเราอยู่ในนั้นจริง แนวทางที่เราแนะนำก็คือ การเปลี่ยนรหัสผ่าน, ใช้รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละบริการ และเปิดใช้การยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน (Two-Factor Authentication) ทุกครั้งที่มีให้ใช้

ที่มา