AWS เปิดตัว Thailand Region อย่างเป็นทางการ พร้อมเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย
หลังจากประกาศแผนขยายฐานการลงทุนในในไทยกว่า 1.9 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 15 ปี และจะตั้ง Region ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2022 ล่าสุด AWS ได้ประกาศเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าในการใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยภายในประเทศ โดยเริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 04:00 น. ของวันที่ 8 มกราคม 2568
AWS Asia Pacific (Thailand) Region จะเพิ่มทางเลือกให้กับหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และองค์กรธุรกิจ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จะมีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้งานแอปพลิเคชันและให้บริการลูกค้าผ่านศูนย์ข้อมูลของ AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย AWS ได้ให้คำมั่นว่าจะลงทุนระยะยาวในประเทศไทย โดยวางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของ AWS สามารถเยี่ยมชมได้ที่ aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure
คาดการณ์ว่า การสร้างและดำเนินงานของ AWS Region แห่งใหม่ในประเทศไทยจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โดยจะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ของประเทศไทยให้กับสูงขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ยังจะสนับสนุนการจ้างงานเต็มเวลาเฉลี่ยมากกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปีในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตำแหน่งงานเหล่านี้จะครอบคลุมหลากหลายสาขา ได้แก่ การก่อสร้าง การดูแลรักษาอาคาร วิศวกรรม โทรคมนาคม และอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของ AWS ในประเทศไทย
ทั้งนี้ไทยเป็นประเทศที่ 4 ในอาเซียน ที่มีการตั้ง AWS Region ซึ่งประกอบด้วยดาต้าเซ็นเตอร์จำนวน 3 แห่ง ทำหน้าที่เป็น Availability Zones 3 แห่ง ตั้งกระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ของไทย โดยมีตั้งอยู่ห่างกันไม่เกิน 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เหมาะสมทั้งในแง่ของความเร็วในการรับส่งข้อมูล และความปลอดภัย
ประเทศในอาเซียนที่ AWS มีการตั้ง Region ประกอบด้วย
Singapore เปิดดำเนินงานในปี 2010 มี 3 Availability Zones: 3 และ 2 Local Zones
Jakarta เปิดดำเนินงานในปี 2021 มี 3 Availability Zones: 3
Malaysia เปิดดำเนินงานในปี 2024 มี 3 Availability Zones
Thailand เปิดดำเนินงานในปี 2025 มี 3 Availability Zones และ 1 Local Zones
การเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region ทำให้ AWS มี Availability Zones รวมทั้งสิ้น 111 แห่งใน 35 AWS Regions ทั่วโลก นอกจากนี้ AWS ยังมีแผนที่จะเปิดตัว Availability Zones เพิ่มอีก 15 แห่ง และ AWS Regions อีก 5 แห่งในเม็กซิโก นิวซีแลนด์ ซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน และ AWS European Sovereign Cloud ทั้งนี้ AWS Regions ประกอบด้วย Availability Zones ที่มีโครงสร้างพื้นฐานแยกกันตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์
สำหรับ AWS Asia Pacific (Thailand) Region นั้นมี Availability Zones สามแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันเพียงพอที่จะรองรับบริการที่ให้ความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจของลูกค้า แต่ก็อยู่ใกล้กันพอที่จะให้บริการด้วยความหน่วงต่ำสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการความพร้อมใช้งานสูง แต่ละ Availability Zone มีระบบไฟฟ้า ระบบทำความเย็น และระบบรักษาความปลอดภัยที่แยกเป็นอิสระจากกัน โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่มีความหน่วงต่ำมากและมีระบบสำรองหลายชั้น ด้วยโครงสร้างนี้ ลูกค้า AWS ที่ต้องการความพร้อมใช้งานสูงสามารถออกแบบแอปพลิเคชันให้ทำงานในหลาย Availability Zones เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ รวมถึงมีความยืดหยุ่นและทนทานสูงมากยิ่งขึ้น
คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ประจำประเทศไทยของ AWS กล่าวว่า “การลงทุนในสเกลขนาดนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของ AWS และทำให้เกิดกิจกรรมต่างๆ ภายในประเทศมากขึ้น ทั้งในส่วนของตัวเลข GDP ทักษะของบุคคลากรในประเทศ รวมถึงยกระดับศักยภาพให้องค์กรต่างๆ ในไทยมากขึ้น และได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จาก AWS Asia Pacific (Thailand) Region นี้”
คุณปราสาท กัลยาณรามัน รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS กล่าวว่า “เราเห็นธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหันมาใช้บริการคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากลูกค้าหลายรายได้ค้นพบประโยชน์อันมหาศาลจากระบบคลาวด์ที่ครอบคลุม น่าเชื่อถือ และปลอดภัยที่สุดในโลกของเรา AWS Region แห่งใหม่ในประเทศไทยจะช่วยให้ลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้งานแอปพลิเคชันขั้นสูงด้วยเทคโนโลยี AWS ที่หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วยบริการพื้นฐาน เช่น การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และระบบเครือข่าย และบริการชั้นสูงที่ช่วยให้ธุรกิจก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น AI และแมชชีนเลิร์นนิง AWS รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย และสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค”