NOSTRA LOGISTICS ส่งผลิตภัณฑ์หนุน 3 กลุ่มโลจิสติกส์ – ซัพพลายเชนปักธงผู้นำเทคโนโลยีซัพพลายเชนอัจฉริยะครบวงจร
นอสตร้า โลจิสติกส์ พันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำด้านการให้บริการเทคโนโลยีซัพพลายเชนอัจฉริยะ เผยอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์โลกโตต่อเนื่อง ล่าสุดลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์หนุน 3 กลุ่มผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ครอบคลุม
1.ผู้ประกอบการธุรกิจที่จัดการงานขนส่งด้วยตนเอง 2.ผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้บริการขนส่ง มีกลุ่มรถของตัวเอง และมีกลุ่มรถของผู้รับจ้างช่วงงานขนส่งร่วมด้วย และ 3.ผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้บริการขนส่ง หรือการรับจ้างช่วงงานขนส่ง ชูจุดเด่นยืนหนึ่งการบูรณาการระบบสำหรับการทำงานขนส่งและโลจิสติกส์ให้อยู่ภายใต้ระบบนิเวศเทคโนโลยีเดียวกัน พร้อมนำเทคโนโลยีไอทีที่ทันสมัยมาพัฒนาแบบครบวงจร เผยมีผู้ประกอบการสนใจใช้บริการแล้วกว่า 30,000 ผู้ใช้งาน ตั้งเป้าเพิ่มฐานผู้ใช้ 20% ปักธงจับมือพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำด้านการให้บริการเทคโนโลยีซัพพลายเชนอัจฉริยะ เพื่อพัฒนาโซลูชันหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ทั้งระบบอย่างยั่งยืน
นางวรินทร สีสุขดี ผู้อำนวยการส่วนผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ บริษัท จีไอเอส จำกัด เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ในประเทศไทยยังคงเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันยังพบปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการและการทำกำไรของธุรกิจ เช่น คู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเพียงพอจึงเพิ่มการลงทุนทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการตลอดจนการปฏิบัติการในระบบธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อสร้างรายได้ และลดต้นทุนการขนส่งเพื่อผลกำไรเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการรายใหญ่ใช้การเอาท์ซอร์ส (Outsourcing) หรือการจ้างช่วง (Subcontract) ทำหน้าที่ขนส่งสินค้าแทนการลงทุนเพิ่มกลุ่มรถของตัวเอง เพิ่มความยืดหยุ่นในธุรกิจและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและดูแลรถขนส่ง ในขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยก็ต้องการหาพันธมิตรธุรกิจเพื่อขยายฐานรายได้และเสริมความแข็งแกร่งแก่กิจการ
“สิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจและการใช้เทคโนโลยี คือ การทำให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานราบรื่นตลอดทั้งกระบวนการ ส่งต่อการทำงานในทุกกิจกรรมได้สะดวกรวดเร็ว เช่น ลดงานเอกสาร หรือติดตามหน้าจอตลอดทั้งวัน มีข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการติดตามด้วยเทคโนโลยี ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์ปรับปรุงการทำงานได้ง่าย เป็นต้น สอดคล้องกับมุมมองของนอสตร้าโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการเทคโนโลยีระบบบริหารงานขนส่งและโลจิสติกส์ให้แก่ลูกค้าหลายขนาดและหลากกลุ่มธุรกิจ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ทีมงานเข้าใจถึงปัญหาของลูกค้าและความต้องการของตลาดเป็นอย่างดี จึงออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีระบบ NOSTRA LOGISTICS พร้อมรับมือการบริหารจัดการธุรกิจของผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชนทุกรูปแบบ สามารถใช้ระบบที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการทำงานที่แตกต่างกัน มุ่งเน้นการทำผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิด Intelligent Platform เชื่อมโยงทุกระบบภายในงานโลจิสติกส์และซัพพลายเชนบนแพลตฟอร์มเดียว ด้วยจุดแข็งสำคัญที่ทำให้แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ การมีความเข้าใจและความพร้อมในการบูรณาการระบบบริหารจัดการงานขนส่งโลจิสติกส์ร่วมกับระบบไอทีชั้นนำ ทั้ง ERP, SAP และ WMS เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้เทคโนโลยีในการทำงานที่ส่งต่อข้อมูลกันได้ภายใต้ระบบนิเวศเทคโนโลยีเดียวกันตลอดทั้งธุรกิจ เพื่อการทำงานที่สะดวกแบบไร้รอยต่อ หรือ Seamless Integration ที่เชื่อมโยงข้อมูลสำคัญระหว่างฐานข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามข้อมูลได้ง่าย เป็นเรียลไทม์ ทั้งยังบริหารจัดการได้สะดวกและยกระดับความปลอดภัยมากขึ้น” นางวรินทรกล่าว
นางวรินทรกล่าวเพิ่มเติมว่า รูปแบบการดำเนินงานและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงานที่ต่างกันของผู้ประกอบการด้านขนส่งและโลจิสติกส์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.ผู้ประกอบการธุรกิจที่จัดการงานขนส่งด้วยตนเอง จะเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมเพื่อบริหารจัดการและพัฒนาขั้นตอนงานขนส่งสินค้าภายในธุรกิจ เช่น การใช้ระบบบริหารรถและการขนส่ง Fleet Management, ระบบติดตามรถด้วยอุปกรณ์ GPS สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่, โมบายแอปพลิเคชัน ePOD สำหรับติดตามและเก็บหลักฐานการจัดส่งจากพนักงานขนส่ง และอาจเสริมด้วยระบบป้องกันรักษาความปลอดภัยในการขับรถด้วยกล้องวีดิโอออนไลน์ MDVR หรือกล้อง All In One ที่พร้อมทำหน้าที่ติดตามรถและดูแลป้องกันอุบัติเหตุ รวมถึงการใช้ระบบการบริหารงานบำรุงรักษารถ MMS เพื่อตรวจสอบความพร้อมของรถก่อนและหลังเริ่มงาน รวมถึงการตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับขี่เพื่อป้องการเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขณะปฏิบัติงาน เพื่อลดต้นทุนในการซ่อมแซมรถ และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
2.ผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้บริการขนส่ง มีกลุ่มรถของตัวเอง และมีกลุ่มรถของผู้รับจ้างช่วงงานขนส่งร่วมด้วย เน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการเต็มรูปแบบในทุกการดำเนินงานธุรกิจ ตั้งแต่การบริหารและวางแผนงานขนส่ง การติดตามพนักงานและการจัดส่ง การป้องกันความปลอดภัยในการขับขี่ จนถึงการซ่อมบำรุงรักษารถ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและยกระดับความปลอดภัยในงานขนส่งให้แก่ธุรกิจ ซึ่งนอสตร้าโลจิสติกส์มีระบบที่พร้อมสนับสนุนการทำงานทุกขั้นตอน และมีเครื่องมือพิเศษในระบบ TMS สำหรับบริหารจัดการผู้รับจ้างช่วงงานขนส่ง (Transport Subcontract Management) ช่วยให้จัดการและติดตามการทำงานจากผู้รับจ้างช่วงได้ง่ายและรวดเร็ว พร้อมการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายการวิ่งเที่ยวรถ เช่น การจัดออเดอร์และจัดสินค้าขึ้นรถโดยอัตโนมัติตามประเภทของรถที่ใช้หรือตามจำนวนโควต้าของผู้รับจ้างช่วงแต่ละราย การกำหนดต้นทุนและค่าเที่ยววิ่งรถตามเงื่อนไขต่างๆ มีซอฟต์แวร์โมดูล Connector ที่เชื่อมต่อข้อมูลการติดตามรถจากผู้ให้บริการจีพีเอสต่างระบบ เพื่อให้ผู้ประกอบการบริหารงานขนส่งทั้งหมดได้ด้วยข้อมูลที่นำเข้ามาอยู่บน NOSTRA LOGISTICS แพลตฟอร์มเดียว สามารถติดตามงานของผู้รับจ้างช่วงงานขนส่งได้ด้วยตนเอง
3.ผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้บริการขนส่ง หรือการรับจ้างช่วงงานขนส่ง เน้นไปที่การติดตั้งระบบติดตามรถด้วยอุปกรณ์ GPS หรือ ติดตามพนักงานและการจัดส่งด้วยโมบายแอปพลิเคชัน ePOD และต้องการเทคโนโลยีที่ใช้ส่งข้อมูลงานขนส่งไปยังผู้จ้างงานตามเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ผู้จ้างกำหนด
อย่างไรก็ดี บริการข้างต้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้ประกอบการสนใจใช้บริการแล้วกว่า 30,000 ผู้ใช้งาน ตั้งเป้าเพิ่มฐานผู้ใช้ 20% นอกจากนี้ นอสตร้าโลจิสติกส์ยังมีระบบที่ใช้สนับสนุนการทำงานเฉพาะอื่นๆ เช่น ระบบจัดคิวรถก่อนเข้าคลังสินค้า (My Queues) ระบบควบคุมอุณหภูมิของรถห้องเย็น (Cold-chain Logistics) โดยทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์จะทำงานภายใต้แพลตฟอร์ม NOSTRA LOGISTICS ระบบเดียว ที่มีทั้ง Mobile application สำหรับการทำงาน ณ หน้างานได้อย่างสะดวก และ Web application สำหรับเป็นระบบหลังบ้านที่พร้อมทำงานตลอด 24 ชั่วโมงด้วยความพร้อมที่จะให้บริการผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและเหมาะสมแก่ธุรกิจของลูกค้า ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานอสตร้าโลจิสติกส์ทำงานร่วมกับลูกค้าหลากหลายองค์กร ทำให้มีความเข้าใจปัญหาและความต้องการของลูกค้า บวกกับการเข้าใจในเรื่องของความพร้อมของการนำเทคโนโลยีไอทีมาใช้พัฒนาตามสภาพแวดล้อมสังคมและตลาดอย่างเหมาะสม ทำให้มีความแข็งแกร่งและมีความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น โดยหลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจ คือ การใช้เทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพ ช่วยแก้ปัญหาการทำงานได้ตรงจุด ขับเคลื่อนธุรกิจได้ทั้งระบบ และมีเป้าหมายที่จะจับมือพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำด้านการให้บริการเทคโนโลยีซัพพลายเชนอัจฉริยะ เพื่อสร้างการเติบโตและผลกำไรให้แก่ธุรกิจของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน นางวรินทรกล่าวทิ้งท้าย