รายงานฉบับใหม่เผยภาคเทคโนโลยีอยู่ในช่วงขาลงหั่นมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลกหลายหมื่นล้านดอลลาร์
แบรนด์ ไฟแนนซ์ (Brand Finance) บริษัทให้คำปรึกษาด้านมูลค่าแบรนด์ชั้นนำ เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ที่ระบุว่า อะเมซอน (Amazon) ทวงคืนตำแหน่งแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอีกครั้ง แม้มูลค่าแบรนด์จะลดลง 15% จาก 3.503 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 2.993 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทุก ๆ ปี แบรนด์ ไฟแนนซ์ บริษัทให้คำปรึกษาด้านมูลค่าแบรนด์ชั้นนำ จะทดสอบแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจัดอันดับแบรนด์ในทุกภาคส่วนและทุกประเทศ แบรนด์ที่มีมูลค่าและแข็งแกร่งที่สุด 500 แบรนด์รวมอยู่ในการจัดอันดับแบรนด์ ไฟแนนซ์ โกลบอล 500 (Brand Finance Global 500)
มูลค่าแบรนด์ของอะเมซอนลดลงกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยอันดับความแข็งแกร่งของแบรนด์ลดลงจากระดับ AAA+ สู่ AAA เนื่องจากผู้บริโภคประเมินแบรนด์ดังกล่าวแบบเข้มงวดยิ่งขึ้นในโลกหลังโควิด-19 ระบาดใหญ่ การวิจัยของแบรนด์ ไฟแนนซ์ พบว่า การรับรู้ของลูกค้าเกี่ยวกับบริการของอะเมซอนลดน้อยลง ในขณะเดียวกันเวลาส่งมอบสินค้าก็นานยิ่งขึ้น และผู้บริโภคมีแนวโน้มแนะนำอะเมซอนให้คนอื่นน้อยลง ควบคู่ไปกับการที่ผู้คนบางส่วนเลือกกลับไปจับจ่ายซื้อสินค้าด้วยตนเอง ทำให้การค้าปลีกออนไลน์มีความจำเป็นลดลง
เดวิด เฮก (David Haigh) ซีอีโอของแบรนด์ ไฟแนนซ์ กล่าวว่า:
“แบรนด์เทคโนโลยีทั่วโลกได้สูญเสียมูลค่าไปอย่างมาก เมื่อรูปแบบความต้องการแปรเปลี่ยนไป เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคบางส่วนเปลี่ยนกลับไปสู่รูปแบบก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด ดังนั้น อุปสงค์สำหรับบริการจากแบรนด์เทคโนโลยีจึงได้รับผลกระทบหนักหน่วงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก การขาดแคลนแรงงาน และอุปสรรคในการจัดหาเงินทุนที่เพิ่มมากขึ้น”
แบรนด์เทคโนโลยีมีมูลค่าลดลง โดยแอปเปิ้ลเสียตำแหน่งอันดับหนึ่ง หลังมูลค่าลดลง 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
แอปเปิ้ล ( Apple) (มูลค่าแบรนด์ลดลง 16% เหลือ 2.975 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หล่นชั้นกลายมาเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับสองของโลก โดยมูลค่าแบรนด์ที่ลดลงในปีนี้เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ที่คาดการณ์ เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานสินค้าที่หยุดชะงักและตลาดแรงงานที่มีข้อจำกัด มีแนวโน้มที่จะบั่นทอนการจัดหาผลิตภัณฑ์สำคัญของบริษัท
ปีนี้มีแบรนด์เทคโนโลยีทั้งหมด 48 แบรนด์ที่อยู่ในการจัดอันดับ ซึ่งลดลง 2 แบรนด์จาก 50 แบรนด์ในปี 2565 หลังจากที่สแนปแชท (Snapchat) และทวิตเตอร์ (Twitter) ไม่ได้เข้าร่วมการจัดอันดับ แบรนด์ที่เน้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีมูลค่าแบรนด์ลดลง ได้แก่ ซัมซุง กรุ๊ป (Samsung Group) (ลดลง 7% เหลือ 9.97 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) อาลีบาบาดอทคอม (Alibaba.com) (ลดลง 56% เหลือ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เฟซบุ๊ก (Facebook) (ลดลง 42% เหลือ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และวีแชท (WeChat) (ลดลง 19% เหลือ 5.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ในด้านบวก อินสตาแกรม (Instagram) (เพิ่มขึ้น 42% สู่ระดับ 4.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และลิงด์อิน (LinkedIn) (เพิ่มขึ้น 49% สู่ระดับ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการเติบโต โดยมูลค่าแบรนด์ทั้งสองเติบโตขึ้นเนื่องจากใช้กลยุทธ์ที่ดีในการให้บริการเชิงพาณิชย์
เทสลาและบีวายดีอยู่ในกลุ่มแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก หลังแบรนด์ที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนประสบความสำเร็จครั้งใหญ่
ผู้ชนะรายใหญ่ด้านมูลค่าแบรนด์ ได้แก่ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (Tesla) (มูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 44% สู่ 6.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และบีวายดี (BYD) (มูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 57% สู่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
เปิดตัวดัชนีความตระหนักรู้ด้านความยั่งยืน วัดคุณค่าของชื่อเสียงแบรนด์ในด้านความยั่งยืน
นอกจากการจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก โกลบอล 500 ประจำปี 2566 แล้ว แบรนด์ ไฟแนนซ์ ยังเปิดตัวดัชนีความตระหนักรู้ด้านความยั่งยืน (Sustainability Perceptions Index) ร่วมกับสมาคมการโฆษณาระหว่างประเทศ (International Advertising Association) ที่เมืองดาวอสอีกด้วย โดยรายงานฉบับนี้เผยให้เห็นว่าแบรนด์ระดับโลกที่สำคัญ เช่น อะเมซอน เทสลา แอปเปิ้ล และกูเกิล ต่างกันเงินไว้หลายพันล้านดอลลาร์เพื่อใช้จัดการชื่อเสียงด้านความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนอย่างระมัดระวัง
ติดตามรายงานดัชนีความตระหนักรู้ด้านความยั่งยืนฉบับเต็มได้ที่ https://brandirectory.com/sustainability