กระทรวงพลังงานและผู้นำอุตสาหกรรมไทยเตรียมพร้อมผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่พลังงานสีเขียวอัจฉริยะ ณ งานสัมมนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของเดลต้า 2565
งานสัมมนา Delta Future Industry Summit ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ณ โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท โดยงานสัมมนาประจำปีของเดลต้า จะมีผู้นำทั้งจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมไทย รวมถึงสื่อมวลชนพบปะและแลกเปลี่ยนพุดคุยความรู้แบ่งปันวิสัยทัศน์และข้อมูลเชิงลึกล่าสุดด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมแห่งอนาคต
งานสัมมนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของเดลต้าในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ Smart Green Energy for a Resilient and Sustainable Thailand เพื่อเป็นประโยชน์กับธุรกิจไทย ทางเดลต้าจึงจัดงานในรูปแบบ Hybrid เพื่อให้ผู้ชมทั่วไปสามารถเข้าร่วมงานสัมมนาทางออนไลน์ นอกเหนือจากแขกรับเชิญของเดลต้า โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่https://summit2022.deltathailand.com/th/
ในงานสัมมนา นอกเหนือจากโอกาสทางธุรกิจ ผู้เข้าร่วมจะได้ชมบูธจัดแสดงโซลูชันเทคโนโลยีจากเดลต้าและร่วมรับประทานอาหารว่างและอาหารกลางวัน เนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานอาจได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน ณ สถานที่จัดงาน หรือเข้าร่วมงานผ่านช่องทางออนไลน์
ผลิตภัณฑ์ของเดลต้าที่ได้นำมาจัดแสดงได้แก่:
- โครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์
- เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 22kW AC MAX
- เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบสองทิศทาง V2X
- อินเวอร์เตอร์เครื่องแปลงไฟสำหรับที่อยู่อาศัย
- ระบบจัดการพลังงาน DeltaGrid
- ซอฟต์แวร์ VTScada สำหรับจัดการฟาร์มอัจฉริยะ
ในงานสัมมนา กระทรวงพลังงานของประเทศไทยจะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสำคัญของพลังงาน 4.0 ต่อแผนการพัฒนาประเทศไทย 4.0 นอกจากนี้ วิทยากรท่านอื่น ๆ จะนำเสนอและพูดคุยเกี่ยวกับโซลูชันนวัตกรรมที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงแผนการเร่งเปลี่ยนสังคมไทยสู่สมาร์ทกริดและโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียว โดยหัวข้ออื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศไทยสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่และการผลิตสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยเทคโนโลยี big data, 5G และระบบอัตโนมัติ
“ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านยานยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นศูนย์กลางยานยนต์แห่งอนาคต” นายแจ็คกี้ จาง ประธานบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าว “รัฐบาลยังตั้งเป้าที่จะจัดการกับมลภาวะและการปล่อยมลพิษโดยมีเป้าหมายให้มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่บนท้องถนน 15 ล้านคันภายในปีพ.ศ. 2578 ดังนั้นในฐานะที่เดลต้า เป็นทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ระดับโลกและผู้ให้บริการเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เดลต้าจึงอยู่ในตำแหน่งพิเศษที่สามารถสนับสนุนลูกค้ายานยนต์ของเราได้ทั้งโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนยานพาหนะใหม่ที่ปลอดมลพิษ” นายแจ็คกี้ กล่าว
การเพิ่มการลงทุนในระบบคลาวด์อินฟราสตรัคเจอร์ในประเทศไทยโดยยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลกและผู้เล่นระดับภูมิภาคต่าง ๆ เน้นย้ำถึงศักยภาพมหาศาลสำหรับการให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งในประเทศ ซึ่งนายชนินทร์ ขาวจันทร์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีไอโอ) จะกล่าวถึงหัวข้อนี้ในปาฐกถาพิเศษ “บทบาทสำคัญของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในการสนับสนุนการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศไทย รถยนต์ไฟฟ้า และห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่น”
นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ “เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล (Data Infrastructure) และบล็อกเชนจะเข้ามามีส่วนในการกำหนดเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยได้อย่างไร” โดยคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม Bitkub, คุณกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN), ผู้เชี่ยวชาญจากเดลต้า รวมไปถึงตัวแทนจากบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ และธนาคาร โดยผู้เข้าร่วมสามารถเข้าร่วมการสนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ในช่วงถาม-ตอบ
อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการเสวนาในเรื่อง “พลังงานสะอาดอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนโฉมประเทศไทยในยุค RE100 ได้อย่างไร” โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ คุณประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการ ปตท., นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ สำนักบริหารโครงการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, คุณอภิเชษฐ์ นุ้ยตูม รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ และผู้เชี่ยวชาญจากเดลต้า รวมถึงผู้มีส่วนสำคัญในภาคโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและไฟฟ้าของประเทศไทย
นายกิตติศักดิ์ เงินงอกงาม ผู้อำนวยการธุรกิจโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของเดลต้า กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพให้กับพันธมิตรของเราในงานนี้ เพื่อแบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโครงการด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เหนือชั้นสำหรับการพัฒนาสู่ไทยแลนด์ 4.0 ให้เป็นจริง ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงานและความร้อน พร้อมด้วยทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ขนาดใหญ่ รวมไปถึงผู้นำด้านการผลิต และการลงทุนทางธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทย เดลต้า วางระบบสมาร์ทกริดสำหรับอนาคตเพื่อรองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า และโซลูชันพลังงานหมุนเวียน”
เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่เดลต้าให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในประเทศไทย เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าของเดลต้าสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลก และสร้างรากฐานของเมืองอัจฉริยะของประเทศไทยและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต