ETDA ตั้งศูนย์คาดการณ์อนาคตเทคโนโลยีดิติทัล
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA กล่าวว่า ETDA ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในการตั้งศูนย์คาดการณ์อนาคตธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Foresight Center by ETDA) เพื่อศึกษาวิจัยภาพอนาคตที่แกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลการคาดการณ์อนาคตด้านดิจิทัลของไทย
ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ETDA กล่าวว่า คาดการณ์อนาคตเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญซึ่งจะใช้ในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศและโลกได้ดีขึ้น ศูนย์คาดการณ์อนาคตพร้อมเผยแพร่ข้อมูลให้กับผู้สนใจ และสามารถนำไปใช้หรือต่อยอดในการดำเนินงานได้
โดยผลที่ได้จากกระบวนการ Foresight หรือการคาดการณ์อนาคต มาจากการมองแนวโน้มและสัญญาณในอนาคต ETDA ซึ่งมีพันธกิจทั้งด้านการส่งเสริมและกำกับ จะมุ่งเน้นการสนับสนุนให้ภาคดิจิทัลสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่ในกรณีที่เห็นสัญญาณว่ามีความเสี่ยง ก็จะพิจารณาว่าจะต้องมีการสร้างมาตรฐานหรือสร้างแนวทางป้องกัน
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนายการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) กล่าวว่า ETDA และ NIA ได้ร่วมมือกันด้านการคาดการณ์อนาคตเมื่อ 2 ปีที่ผ่าน และในการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือในการทำนวัตกรรมทางด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรองรับเทคโนโลยีที่เกี่ยวการทำงานของภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ที่ผ่านมาทั้งสองหน่วยงานได้ศึกษาความเป็นไปได้ในอนาคตของ 4 ประเด็นหลักได้แก่ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปัญญาประดิษฐ์ ตัวตนทางดิจิทัล และอินเทอร์เน็ต ผลการศึกษาจะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนเตรียมรับมือกับความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆได้ดีขึ้น
ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่าจากการศึกษา Foresight Research พบว่าในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ ทั้ง 4 ประเด็นจะมีผลกระทบต่อกันอย่างแยกไม่ออก โดย ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะกลายเป็น พรมแดนใหม่ของการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจทำให้การทำธุรกรรมจะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องสื่อกลาง เราสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทางดิจิทัลเช่น Non-Fungible Token ได้อย่างอิสระ หรืออาจเกิดการทำธุรกรรมในโลกเสมือนที่อาจจะคู่ขนานไปกับโลกแห่งความเป็นจริงนำไปสู่การกำหนดกฎระเบียบหรือแนวทางใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย นอกจากนี้ยังมีภาพอนาคตที่เราต้องจับตาเฝ้าระวังเพื่อหาแนวทางป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นคือการทำธุรกรรมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ผ่านตัวกลางหรือพื้นที่ที่ยากต่อการตรวจสอบ และผู้ประกอบการอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงหนักขึ้นกว่าเดิมก็ได้
ขณะที่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามาสร้างให้เกิดสมดุลในรูปแบบใหม่ ที่การใช้งานจะไม่กระจุกตัวอยู่ที่หน่วยงานหรือองค์กรแต่จะขยายไปสู่ระดับบุคคลด้วย และจะเกิด AI ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละองค์กรหรือผู้ใช้งานได้มากขึ้น เป็นผู้ช่วยมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในกิจกรรมเช่นการสื่อสารข้อมูล และการตัดสินใจอื่นๆ ทำให้บทบาทของมนุษย์อาจถูกลดทอน และจะมีข้อโต้แย้งทางจริยธรรมใหม่ๆ สำหรับในประเด็น การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล จะทำให้มนูษย์ก้าวสู่โลกดิจิทัลโดยมีตัวตนบนโลกเสมือนที่เชื่อมโยงตัวตนบนโลกแห่งความเป็นจริง แต่ในขณะเดียวกันในโลกเสมือนทุกคนสามารถกำหนดเพศ ศาสนา ตลอดจนความเชื่อในเชิงจริยธรรมเองได้ ทำให้ต้องมีการกำหนดแนวทางรวมถึงกฎระเบียบที่เหมาะสมและรัดกุมมากขึ้นเพื่อสร้างความน่าเชื่อและความปลอดภัยในการมีตัวตนบนโลกดิจิทัล ลดอัตราการเกิด ตัวตน ‘อวตาร’ ที่นำไปใช้ในการก่อเหตุในโลกออนไลน์และยากต่อการติดตาม
นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ต จะช่วยส่งเสริม Digital Ecosystem ในประเทศไทย โดยอินเทอร์เน็ตจะเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่รัฐจัดสรรให้ประชาชนได้ใช้อย่างมีคุณภาพและครอบคลุมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และทำให้เกิดกิจกรรมบางอย่างที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น เช่น การผ่าตัดทางไกลโดยใช้คนควบคุม เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังในเรื่องนี้คืออาจพบข้อมูลมหาศาลในโลกอินเทอร์เน็ตที่อาจทำให้ตรวจสอบและคัดกรองได้ยาก อาจมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การหลอกลวงและภัยคุกคามทางไซเบอร์จนอาจขยายเป็นภัยที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง
สำหรับประชาชนท่านใดที่สนใจผลการศึกษา Foresight Research ฉบับเต็ม สามารถติดตามรายละเอียดการดาวน์โหลดได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand (https://www.facebook.com/ETDA.Thailand) หรือ ที่เว็บไซต์ ETDA.or.th