ริบบอนส่งกลุ่มโซลูชัน IP Optical และ 5G ประสิทธิภาพขั้นสูงครบวงจรใหม่ป้อนตลาดผู้ให้บริการและองค์กรในไทย

Ribbon Communications Inc. (Nasdaq: RBBN) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านเทคโนโลยีการสื่อสารแบบเรียลไทม์และโซลูชันเครือข่าย IP Optical แก่ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของโลก องค์กร และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหลายแห่ง ในการยกระดับและปกป้องเครือข่ายของตนให้ทันสมัยและปลอดภัย  ริบบอนประกาศความพร้อมและผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ IP Optical ใหม่ในประเทศไทย

เพื่อช่วยผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถนำเสนอบริการอันเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถบริหารปรับขนาดแบนด์วิดธ์ที่สูงขึ้นได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถจัดแบ่งทรัพยากรโครงข่าย (Network slicing – เน็ทเวิร์คสไลซิ่ง) ที่มีความซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติ ส่งให้องค์กรมีผลกำไรสูงขึ้น

แซม บุชชี่ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป สายธุรกิจ IP ของริบบอนกล่าวว่า “โซลูชันของริบบอนได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งใหญ่และสร้างสรรค์การสื่อสารรูปแบบใหม่ๆ ที่ยืดหยุ่นและให้ความคุ้มทุนมากขึ้น ตอบสนองตลาดได้เร็วขึ้น อันรวมถึงเครือข่าย 5G  ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ IP Wave ใหม่ของเรามีจุดเด่น ที่ช่วยให้ลูกค้าใช้ฮาร์ดแวร์ได้เต็มประสิทธิภาพ ใช้ซอฟต์แวร์ให้เกิดการทำงานที่เป็นอัตโนมัติ และเป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิดรองรับการทำงานของอุปกรณ์จากผู้ค้าหลายค่าย  ผู้ให้บริการ องค์กรและบริษัทผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจึงควรพิจารณาเป็นทางเลือกในการสร้างและนำเสนอบริการนวัตกรรมต่างๆ ของตนเองให้รวดเร็ว”

เทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคตล้วนต้องการเครือข่ายเน็กซ์เจนเนอเรชันประสิทธิภาพสูง ที่ให้ความเร็วสูงขึ้น คล่องตัวขึ้น ปลอดภัยขึ้นและคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ทั้งผู้ให้บริการและลูกค้า ซึ่งผู้ให้บริการชั้นนำทั่วโลกเริ่มเปิดรับโซลูชันแบบแยกส่วน ที่ใช้ซอฟต์แวร์ในการบริหาร ช่วยสร้างความชาญฉลาดและยืดหยุ่น (Software-based, intelligent and flexible disaggregated solutions) ซึ่งช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนจากการใช้โซลูชันฮาร์ดแวร์ที่มีข้อจำกัด รวมถึงการมีลิขสิทธิ์ยึดติดกับผู้ขายอุปกรณ์นั้นๆ และยังสามารถเข้าถึงประโยชน์ที่สำคัญต่อไปนี้ได้:

•      โซลูชัน IP Wave มอบเทคโนโลยีขั้นสูง ระบบอัตโนมัติที่ทันสมัย และเครือข่าย IP Optical ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรับประกันประสิทธิภาพของบริการแก่ลูกค้าตามต้องการได้ ทำให้ผู้ให้บริการและองค์กรมีความคล่องตัวสามารถให้บริการที่จำเป็นเพื่อก้าวเป็นผู้นำตลาด และให้ผลประกอบการที่ดีอีกด้วย

•      โซลูชันสำหรับ 5G ของริบบอนมุ่งเน้นการทำงานแบบอัตโนมัติ และการใช้ทรัพยากรบนโครงข่าย IP Optical ให้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมด้วยศักยภาพในการทำเน็ทเวิร์คสไลซิ่งและเน็ทเวอร์คไทม์มิ่งที่มีความล้ำหน้า ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับ 5G ส่งให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถให้บริการพร้อมการรับประกันประสิทธิภาพ และรองรับการใช้ทรัพยากรบนเครือข่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ 5G และผู้ให้บริการโครงข่าย 5G xHaul ที่ใช้ประโยชน์จากศักยภาพสูงเหล่านี้จะสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้ จากการให้บริการโครงข่ายส่วน xHaul ไร้สายต่างๆ ที่สามารถปรับโครงสร้างต้นทุนให้เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว รวมถึง บริการเกมออนไลน์และอีเฮลท์บนมือถือ

•      ไลน์การ์ด TM400_2 ของริบบอน อันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายออปติคัล Apollo ใช้ประโยชน์จาก 400G ZR+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ปฏิวัติวงการ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันกับผู้ค้ารายอื่นในระบบนิเวศแบบเปิดได้ ตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและอนาคต

ริบบอนเกิดจากการผนวกรวมตัวกันของบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีที่ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมจำนวนมากมายาวนาน ได้แก่ Sonus, GENBAND, Nortel, Edgewater, Anova Data และ ECI  ทั้งนี้ โซลูชันของริบบอนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลายแห่ง อาทิ Optus, Bharti, Rogers, SNCF, Colt, Moratelindo, Bezeq และอีกมากมาย บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนการลงทุนจากเจพี มอร์แกน เชส หนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำของโลก จึงมีความมั่นคงทางการเงินและพร้อมที่จะลงทุนสร้างนวัตกรรมต่างๆ ในระยะยาวต่อไปในอนาคต

เจสัน ซู ผู้ช่วยรองประธาน แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคของสายธุรกิจ IP Optical กล่าวว่า “ริบบอนได้เป็นส่วนหนึ่งของผู้ให้บริการและองค์กรชั้นนำของประเทศไทยเป็นเวลามานานหลายปี ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากโซลูชันของริบบอนในการเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด ให้ความคุ้มค่าในการลงทุนเครือข่าย เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอชุดโซลูชัน IP Optical เบ็ดเสร็จครบวงจร เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถก้าวไปสู่โซลูชันแบบแยกส่วนที่ใช้ซอฟต์แวร์ในการบริหาร ซึ่งจะช่วยสร้างความยืดหยุ่น คล่องตัวในการปรับขนาดมากขึ้น ช่วยเร่งเวลาการทดสอบ การทดลองใช้ การปรับใช้ให้สั้นขึ้น จึงเป็นการเปิดบริการใหม่ๆ ได้เร็วมากยิ่งขึ้น”