เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) ชี้โลกมุ่งสู่เมกะเทรนด์ใหม่ยุคสังคม 5.0 ชูบริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในตลาดไทยเต็มรูปแบบ
เอ็นทีที เดต้า บริษัทที่ปรึกษาและผู้ให้บริการ ด้านธุรกิจดิจิทัลรวมถึงบริการด้านไอที ชั้นนำระดับโลก เผยทั่วโลกกำลังมุ่งสู่ เมกะเทรนด์ใหม่ยุคสังคม 5.0 มุ่งนำเทคโนโลยีแก้ไขปัญหาความท้าทายทางสังคมสมัยใหม่ ไปพร้อมกับการสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ระบุโควิด-19 ปัจจัยเร่งทั่วโลกมุ่งสู่สังคม 5.0 เร็วขึ้นรวมถึงประเทศไทย ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยมุ่งทำ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันเต็มรูปแบบ ปูทางรับเมกะเทรนด์ใหม่ประกาศรุกให้บริการด้าน ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ชูจุดแข็งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพร้อมโซลูชันมาตรฐานระดับโลก ช่วยปลดล็อกธุรกิจไทยและธุรกิจข้ามชาติ ตั้งดันบริษัทแม่ขึ้นแท่น 1 ใน 5 ผู้ให้บริการไอทีในตลาดโลก
ฮิโรนาริ โทมิโอกะ (Hironari Tomioka) ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NTT DATA (Thailand) เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงกระแสโลกใหม่ หรือ Mega Trends อีกครั้งในยุคสังคม 5.0 (Society 5.0) ซึ่งเป็นการยกระดับการใช้เทคโนโลยีด้วยการผสมผสานนวัตกรรมจากเทคโนโลยีใหม่ อาทิ Internet of Things (IoT) หุ่นยนต์ AI และ Big Data เข้าช่วยแก้ไขปัญหาความท้าทายทางสังคมสมัยใหม่ เช่น จำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น ขาดแคลนแรงงานในวัยทำงาน อัตราการเกิดลดลง โดยเป็นสังคมที่มีมนุษย์คือศูนย์กลางสร้างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาสังคม นับเป็นวิสัยทัศน์ใหม่สำหรับสังคมที่ชาญฉลาดขึ้น โดยมีมนุษย์ธรรมชาติ และเทคโนโลยี ร่วมสร้างความสมดุลที่ยั่งยืนด้วยข้อมูล โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่เริ่มเดินหน้านโยบายเต็มรูปแบบ ประกอบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เข้ามาดิสรัปเร่งให้ทุกประเทศทั่วโลกมุ่งหน้าเข้าสู่ยุคสังคม 5.0 เร็วขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา NTT DATA ได้ดำเนินโครงการผสมผสานนวัตกรรมจากเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น นับตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพของพลังงานปลอดคาร์บอน การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขนส่งที่สะดวกปลอดภัย ปราศจากอาชญากรรมมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัย มีการบริหารจัดการขยะ อาหารเหลือศูนย์เพื่อลดปริมาณขยะ และคาดการณ์ปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเหมาะสม โครงการเชื่อมโยงข้อมูลการค้าระหว่างอุตสาหกรรมผ่านออนไลน์แบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ช่วยให้สามารถทำธุรกิจและธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไร้กระดาษ ปูทางสู่อนาคตการค้าดิจิทัล ยกระดับการเปิดเสรีการค้าระหว่างอุตสาหกรรมเชื่อมถึงกันอย่ารวดเร็วทั่วโลก ช่วยลดต้นทุนธุรกิจและรักษ์สิ่งแวดล้อม และโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อสะสมและวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ ช่วยลดการซับซ้อนของงาน คำนวณอัตราการผลิตที่เหมาะสม และประหยัดพลังงานมากขึ้น
โดยสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งผลให้มีการทำกิจกรรมและธุรกรรม บนแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่างต่อเนื่องฉะนั้นองค์กรต่างๆ ควรมีการจัดข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ และให้ความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างรัดกุม ประกอบกับการที่ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่ยุค 4.0 “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม” และอนาคตก็ต้องก้าวเข้าสู่สังคม 5.0 ตามทิศทางเทคโนโลยีของโลก ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญกับดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันมากยิ่งขึ้น เพื่อปรับตัวใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจในทุกด้าน ตั้งแต่การผลิต การจัดจำหน่าย การให้บริการ และการตลาด เป็นการเตรียมความพร้อมธุรกิจรับเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนถูกดิสรัปชัน ซึ่ง NTT DATA (Thailand) มีความพร้อมในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยและสนับสนุนให้เดินหน้าด้วยเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ฮิโรนาริ กล่าวเพิ่มเติมว่า NTT DATA (Thailand) นำเทคโนโลยีโซลูชันต่างๆ ที่ล้ำสมัย รวมทั้งความเชี่ยวชาญมาตรฐานระดับสากลของ NTT DATA กว่า 50 สาขาทั่วโลก ให้บริการ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผน วางระบบ ฝึกอบรมคน และดูแลระบบแก่หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งบริษัทสัญชาติไทยและบริษัทข้ามชาติ ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมายกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ให้ความสำคัญกับแก้ปัญหา (Pain point) ที่แท้จริงและตรงจุดของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในวิถีชีวิตของผู้บริโภคซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด
ทั้งนี้ บริษัทให้บริการด้าน ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ทั้งหมด 6 กลุ่ม ได้แก่ 1. Consulting Services การให้บริการคำปรึกษา ในด้าน Digital Transformation Consulting, Business Process Management, IT Grand Design และ Project Management Office (PMO) 2. Digitalization Solutions การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เป็นรูปแบบดิจิทัล (Digital) ประกอบไปด้วย Digital Transformation และ Digital Marketing 3. Modernization Solutions การสร้างความทันสมัย ในการดำเนินธุรกิจ ประกอบไปด้วย ERP Solutions, loT/ Cloud Service และ CRM 4. Automation Solution ระบบการทำงานอัตโนมัติ ประกอบด้วย RPA, Workflow และ Chatbot/SNS 5. Analytics Solutions การวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย Data Science, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Big Data Management และ Business Intelligence (BI) เครื่องมือช่วยนำข้อมูลที่ผ่านการตกผลึกและวิเคราะห์ในมิติต่างๆ มาแสดงผลในรูปของรายงาน กราฟ ตารางสรุป และบท
วิเคราะห์ 6. Payment Solutions การชำระเงิน ประกอบด้วยงานด้าน Card Management System, IT Operation Outsourcing, PCI DSS และSecurity Consulting
“NTT DATA ตั้งเป้าเป็น 1 ใน 5 ของผู้ให้บริการด้านไอทีในตลาดโลก โดยตลาดมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ (Enterprise) และยังมีแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มไปยังกลุ่มบริษัทสัญชาติไทยขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ (Automotive) อุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing) อุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail) อุตสาหกรรมผลิตสินค้าสำหรับใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน (FMCG) รวมถึงอุตสาหกรรมการเงินและประกัน (Banking and Insurance)