อินเทลเร่งพัฒนาความก้าวหน้าด้านสถาปัตยกรรมสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์, HPC-AI และระบบคอมพิวเตอร์ของลูกค้า
สถาปัตยกรรมเปรียบเสมือนการเล่นแร่แปรธาตุ คือเป็นการรวบรวมทรานซิสเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องจักรที่ถูกกำหนด นำมาเชื่อมต่อกันผ่านบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ควบรวมกับแบนด์วิธสูง (high-bandwidth) แคชพลังงานต่ำ (low-power caches) จากนั้นติดตั้งทั้งหมดเข้ากับหน่วยบันทึกความจำความจุสูง
และเชื่อมต่อกันด้วยความหน่วงที่ต่ำ เพื่อสร้างคลัสเตอร์การประมวลผลแบบไฮบริดในแพ็คเกจเดียวกัน ในขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าซอฟต์แวร์ทั้งหมดจะเร่งความเร็วได้อย่างราบรื่น โดยการเปิดเผยด้านนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมที่เหล่าสถาปนิกของอินเทลได้สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อการปล่อยตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในเร็ววันนี้ นับเป็นสิ่งที่พวกเขาตั้งตารอในทุกๆ ปี และในปีนี้ งาน Intel Architecture Day ครั้งที่สามของเรา จะเป็นงานที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา
วันนี้ อินเทลได้เผยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดทางสถาปัตยกรรมในยุคนี้ รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Alder Lake โดยละเอียดเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไฮบริดที่มีประสิทธิภาพ (performance hybrid architecture) ตัวแรกของอินเทลที่มาพร้อมกับ คอร์ x86 จำนวน 2 รุ่น และตัวกำหนดเวิร์คโหลดอัจฉริยะอย่าง Intel® Thread Director ร่วมด้วย Sapphire Rapids สถาปัตยกรรมดาต้าเซ็นเตอร์มาตรฐานใหม่ของอินเทล ที่มาพร้อมคอร์ประสิทธิภาพใหม่ และเอ็นจิ้นการเร่งความเร็วที่หลากหลาย นอกจากนี้ อินเทลยังเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) สำหรับเกมที่สามารถแยกส่วนได้ หน่วยประมวลผลโครงสร้างพื้นฐาน (IPU) แบบใหม่ และ Pointe Vecchio สถาปัตยกรรม GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลที่มาพร้อมความชำนาญขั้นสูง และความหนาแน่นในการประมวลผลสูงสุดเท่าที่เคยมีมาของอินเทล
ความก้าวหน้าทางสถาปัตยกรรมเหล่านี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ในยุคถัดไปของอินเทล ซึ่งจะเริ่มต้นเร็วๆ นี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ Alder Lake อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าต่างๆ ที่เปิดเผยในวันนี้ ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า สถาปัตยกรรมจะสามารถตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากจำนวนเวิร์คโหลดจากเดสก์ท็อปไปยังดาต้าเซ็นเตอร์นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น ซับซ้อนขึ้น และมีความหลากหลายมากกว่าที่เคย