November 24, 2024

แคนนอนฉลองก้าวสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ ผลิตเลนส์ RF และ EF ทะลุ 150 ล้านชิ้น พร้อมขอบคุณผู้ใช้งานที่เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จ

แคนนอนขอขอบคุณผู้ใช้งานที่เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ฉลองก้าวสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ในการผลิตเลนส์ RF และ EF1 ที่ใช้สำหรับกล้องถ่ายภาพแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ตระกูล EOS ทะลุ 150 ล้านตัวเมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยรุ่นที่ผลิตเป็นตัวที่ 150 ล้าน คือ เลนส์ซูมเทเลโฟโต้ RF70-200mm F2.8L IS USM ที่เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน 2562 พร้อมกันนี้แคนนอนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใช้งาน เพื่อร่วมกันสร้างสถิติในครั้งต่อไปด้วยกันอย่างไม่หยุดยั้ง

ทั้งนี้การผลิตเลนส์ RF และ EF สำหรับกล้อง SLR ที่มาพร้อมระบบออโต้โฟกัสตระกูล EOS ของแคนนอน เริ่มขึ้นในปี 2530 ณ โรงงานของแคนนอนที่อุตสึโนมิยะ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เลนส์ RF และ EF ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้กล้องในหลากหลายกลุ่มจนทำให้สามารถขยายฐานการผลิตรวมเป็น 4 แห่ง ประกอบด้วย แคนนอน ญี่ปุ่นแคนนอน ไต้หวัน แคนนอน ออปโต้ มาเลเซีย และแคนนอน โออิตะ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น

ในปี 2538 มียอดผลิตเลนส์ตระกูล EF ครบ 10 ล้านชิ้น และก้าวเข้าสู่ 50 ล้านชิ้นในปี 2552 โดยในเดือนเมษายน ปี 2557 แคนนอนได้ฉลองความสำเร็จในการผลิตเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ครบ 100 ล้านชิ้นเป็นรายแรกของโลก และล่าสุดกับการทำลายสถิติยอดการผลิตเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ด้วยการผลิตเลนส์ตระกูล RF และ EF ได้ถึง 150 ล้านชิ้นในเดือนมกราคมปี 2564  หากนำเลนส์ RF และ EF ที่แคนนอนได้ผลิตนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน2 ทั้งหมดมาต่อกันจะมีความยาวประมาณ 12,450 กิโลเมตร ซึ่งมีขนาดเกือบเท่าเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกที่มีความยาวประมาณ 12,742 กิโลเมตรเลยทีเดียว

1 ประกอบด้วย เลนส์ EF, EF-S, RF, EF-M, EF Cinema และอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2564

2 คำนวณตามความยาวของตัวเลนส์ จากการสำรวจของแคนนอน

อย่างไรก็ตาม เลนส์ EF ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแคนนอนที่ได้รับการเปิดตัวมาพร้อมกับระบบกล้อง EOS SLR ในปี 2530 ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องหลังจากการเปิดตัว ทำให้แคนนอนได้ขึ้นเป็นผู้นำในตลาด จากการนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีที่หลากหลายมาประกอบรวมกัน อาทิ การนำเทคโนโลยีมอเตอร์แบบอัลตร้าโซนิค (Ultrasonic Motor; USM) มาใช้เป็นรายแรกของโลก3 เทคโนโลยีการป้องกันภาพสั่นไหว (Image Stabilizer; IS) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสั่นไหวของกล้อง รวมถึงชิ้นเลนส์ DO (Diffractive Optical) ที่มีการหักเหของแสงสูงมาใช้ เพื่อให้เลนส์มีขนาดเล็กและเบาลง

และในปี 2561 แคนนอนก็ได้เปิดตัวระบบ EOS R System และเลนส์ตระกูล RF นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จอย่างต่อเนื่องที่มาพร้อมคุณภาพที่สูงขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “รวดเร็ว สะดวกสบาย พร้อมให้ภาพที่คุณภาพสูง (Speed, Comfort and High Image Quality)” โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์เลนส์ตระกูล RF และ EF มีจำนวนมากกว่า 118 รุ่น4 ขยายขีดจำกัดของการถ่ายภาพให้กว้างขึ้น สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันจากการนำเสนอเลนส์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แคนนอนคงความเป็นผู้นำ โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในตลาดกล้องดิจิตอลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้มาต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 17 ปี5 ตั้งแต่ปี 2546 และในเดือนกันยายน 2562 แคนนอนก็ได้เฉลิมฉลองครบ 100 ล้านชิ้นในการผลิตกล้องแบบถอดเปลี่ยนได้ของตระกูล EOS มาแล้วเช่นกัน

“แคนนอนยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพ โดยมุ่งเน้นการนำเสนอเลนส์ RF และ EF สู่ท้องตลาด พร้อมตอบสนองความต้องการของนักถ่ายรูปทุกรูปแบบ ตั้งแต่กลุ่มมือสมัครเล่นจนถึงมืออาชีพควบคู่ไปกับการมอบประสบการณ์และส่งเสริมสังคมคุณภาพของการถ่ายรูปและวีดีโอ